ชัยภูมิ น้ำป่าหลากทะลักท่วมภูเขียว หวิดเกิดเหตุสลด รถเก๋งเจอน้ำป่าทะลักไหลลอยตามน้ำ ชาวบ้านใช้เชือกลากพาคนขับรอด แต่ต้องปล่อยรถลอยตามน้ำ ขณะที่ อ.ภูเขียว กับ อ.เกษตรสมบูรณ์ ถูกน้ำท่วมหนักเป็นรอบที่ 2

วันที่ 16 ต.ค.64 เกิดน้ำป่าไหลหลากทะลักเข้าท่วม ถนนหนทางบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะถนนสายหลักที่ผ่านอำเภอภูเขียว มีระดับน้ำสูงกว่า 80 เซนติเมตร โดยน้ำป่าไหลหลากจากภูหยวก เนื่องจากนัำมีปริมาณมาก และไหลแรง ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านส่วนใหญ่ขนของหนีน้ำไม่ทันเนื่องจาก น้ำป่าไหลหลากมาในช่วงกลางดึก

ซึ่งหวิดเกิดเหตุสลดจากสถานการณ์น้ำท่วมหนัก ในเขต อ.ภูเขียว ซึ่งมีประชาชนเดินทางมาจากต่างพื้นที่ ได้พยายามขับรถเก๋งผ่านตัวอำเภอภูเขียว ที่จะไปทำธุระที่อำเภอคอนสาร และพยายามขับรถหาทางอ้อมในเขตตัวอำเภอเขตเทศบาลภูเขียว และขับผ่านชุมชนไป ในเวลาไม่นานก็เกิดน้ำป่าทะลักเข้าท่วมในพื้นที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนรถเก๋งต้านกระแสน้ำไม่ไหวลอยขึ้นไหลไปตามน้ำ และคนขับติดอยู่ภายในรถ

ก่อนที่จะมีชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเห็นเข้า และพยายามเดินฝ่ากระแสน้ำเข้าไปช่วยคนขับรถ ซึ่งเป็นชายวัยกลางคน บอกให้เปิดกระจกรถปีนออกมาทางหน้าต่างรถ และใช้เชือกลากให้เดินฝ่ากระแสน้ำ รอดชีวิตออกมาได้หวุดหวิด ก่อนที่จะต้องปล่อยให้รถเก๋งลอยไปตามกระแสน้ำไปก่อน หลังน้ำลดค่อยมาติดตามคืนเพื่อนำไปซ่อมแซม

ส่วนสถานการณ์น้ำ ชาวบ้านใกล้ 4 แยก ศาลเจ้าแม่ทับทิมภูเขียว หรือ แยก ธกส.สาขาภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ บอกว่าถูกมวลน้ำไหลผ่าน ไหลเข้าท่วมบ้านตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 16 ต.ค. เวลาประมาณ 8 โมง บางคนระบุว่าน้ำที่ไหลลงมาหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ที่เคยเจอมา หลังจากฝนตกหนักทำให้น้ำไหลบ่าอย่างรวดเร็ว หน่วยกู้ภัยต้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ

ส่วนถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 201 (ชัยภูมิ-ภูเขียว-ชุมแพ) ด้านหลังธนาคาร ธกส.สาขาภูเขียว จ.ชัยภูมิ ช่วงเวลา 09.00 น. ของวันที่ 16 ต.ค. เป็นต้นมา น้ำป่าเริ่มไหลบ่าท่วมถนน รถทุกชนิดยังสามารถวิ่งผ่านได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากน้ำไหลแรง ถนนหลายสายในตัวอำเภอภูเขียว ถูกตัดขาด เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง โดยพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ยังคงเกิดฝนตกหนักเป็นช่วง ๆ

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ช่วงใกล้ค่ำ ไปเจอนางทองยุ่น คิดดี อายุ 62 ปี ชาวบ้านคุ้มศาลเจ้าแม่ทับทิมภูเขียว อยู่ในบ้านกับครอบครัวกำลังช่วยกันวิดน้ำออกจากบ้าน เก็บสิ่งของที่ถูกน้ำท่วมทิ้ง และจุดเทียนส่องสว่างเนื่องเจ้าหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้า และต้มมาม่าให้หลานสาววัย 6 ขวบ กิน

ส่วนข้าวของในบ้านถูกน้ำท่วมเสียหายหมด ทั้งที่นอน เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ห้องครัว ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ เพราะน้ำมาเร็วขนย้ายไม่ทัน ไม่ถึง 10 นาที น้ำทะลักเต็มหมู่บ้าน พร้อมทั้งนำกระสอบทรายมาวางกั้นไว้หน้าบ้าน หวั่นว่าน้ำป่าจะเพิ่มสูงขึ้น และทะลักเข้าท่วมในบ้านอีก

ตนเองอาศัยอยู่ด้วยกัน 8 คน อยู่อย่างอนาถา ก่อนที่น้ำป่าจะทะลักท่วม ตนไปรับจ้างรีดผ้าซักผ้า มีคนบอกว่าน้ำท่วมตนจะรีบกลับบ้าน พบว่าน้ำป่าไหลบ่าอย่างรวดเร็วและเพิ่มสูงขึ้น จึงไปเอากระสอบทรายที่ศาลเจ้าแม่ทับทิมภูเขียว มาวางกั้นหน้าบ้าน แต่กว่าจะนำกระสอบทรายวางกั้นเสร็จ น้ำได้ทะลักเข้าบ้านแล้ว

ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวรายงานคุยกับนางทองยุ่น เจ้าตัวน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ เล่าว่า เห็นสภาพบ้านแล้วนั่งร้องไห้สิ่งของถูกน้ำท่วมหมด น้ำท่วมไม่มีอะไรกิน ได้รับข้าวกล่องแจก 1 กล่อง เขาให้ครอบครัวละ 1 กล่อง ตนก็ไม่กล้าขอเพิ่มเพราะเกรงใจ จึงนำมาม่าที่ได้รับแจกมา 8 ห่อ ต้มแบ่งกันกิน 8 คน ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะในซอยที่อาศัยอยู่ตัดกระแสไฟฟ้า จึงไปขอต้มที่บ้านของเพื่อนบ้าน "ชีวิตมันหดหู่"

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อยู่จนถึงช่วงค่ำ เข้าไปสำรวจที่ชุมชน 10, 11 พบว่าน้ำป่ายังไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลตำบลภูเขียว อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านบางคนอุ้มลูกเดินลุยน้ำที่ไหลแรงออกมาหาอะไรกิน บางคนพากันออกมายืนอยู่หน้าวัดโบราณ ตรงข้ามศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อขอรับแจกข้าวกล่อง น้ำดื่ม

นางบังอร วาระวะ อายุ 51 ปี ชาวบ้านชุมชน 10 เขตเทศบาลตำบลภูเขียว บอกว่า บ้านของตนถูกน้ำท่วมระดับเอวอาศัยอยู่ด้วยกัน 8-9 คน ห้องน้ำห้องส้วมใช้ไม่ได้ ขนย้ายสิ่งของไม่ทัน ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ช่วงเช้าระดับน้ำสูงแต่ช่วงค่ำเริ่มลดลง ข้าวกล่องมื้อเย็นไม่เห็นมีใครมาแจก จึงพากันออกมานั่งและยืนอยู่ริมถนนบริเวณจุดที่น้ำป่าไหลบ่า ก่อนที่ทางกู้ภัยและเทศบาลตำบลภูเขียว จะนำข้าวกล่องมาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/WyD7awzzkf0