กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เตือนระดับน้ำในแม่น้ำโขง จะเพิ่มขึ้น หลังมีฝนตกหนักในพื้นที่ริมแม่น้ำโขง ทั้งในประเทศไทยและลาว ขณะเดียวกัน เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น กลับมาปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกครั้ง หลังจากมีน้ำไหลเข้าจนทำให้ระดับน้ำอยู่ร้อยละ 95 ของความจุอ่าง นับเป็นสถานการณ์ที่ต้องจับตา เพราะมวลน้ำชี ยังหลากท่วมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

อิทธิพลของพายุ คมปาซุ ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายจังหวัดภาคอีสานตั้งแต่บ่ายวันนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดขอนแก่น ที่มีฝนตกหนักติดต่อกันเกือบ 3 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหลายสายหลัก เช่นมิตรภาพ และถนนมะลิวัลย์ ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ทำให้เทศบาลนครขอนแก่น เร่งสูบน้ำออกจากผิวถนนเพื่อไม่ให้กระทบต่อการสัญจร

ขณะที่ระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์อยู่ในสถานการณ์ต้องจับตาใกล้ชิด หลังมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำต่อเนื่อง จนระดับอยู่กักเก็บอยู่ที่ 2298 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 95 ของความจุอ่าง

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารน้ำ มีมติปรับระดับการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ จากเดิมวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ วันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีผลทันที และให้เพิ่มระดับระบายเป็น 18 ล้าน ลูกบาศก์เมตร ในวันถัดไป

พร้อมปรับการระบายเพิ่มวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร แบบนี้ต่อเนื่องทุกวัน สูงสุดอาจอยู่ที่วันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามศักยภาพการระบายของลำน้ำพอง โดยการปรับเพิ่มต้องคำนึงท้ายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำพอง ปะทะกับลำน้ำชีที่กำลังหลากท่วม

ขณะนี้กรมชลประทานติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ ที่เขื่อนมหาสารคาม เพิ่มเป็น 50 เครื่อง เพื่อผลักดันน้ำชี ลงสู่แม่น้ำมูล ที่อุบลราชธานีโดยเร็ว

ขณะที่ภาคตะวันออก ยังมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยล่าสุดปราจีนบุรี มีพื้นที่ลุ่มต่ำในอำเภอนาดี เช่นบ้านทับลาน ตำบลบุพราห์ม ถูกน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หลากทว่ม ส่วนที่อำเภอกบินทร์บุรี ก็ถูกน้ำจากแควหนุมาน หนุนจนน้ำจากต้นน้ำบางปะกง เพิ่มสูงและหลากท่วมชุมชนริมฝั่ง

ขณะที่นครนายก ฝนตกหนักทำให้น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หลากลงอ่างเก็บน้ำวังบอน และอ่างเก็บน้ำเขาไม้ปล่อง แล้วไปบรรจบกันที่ประตูระบายน้ำคลองยาง และหลากเข้าท่วมบ้านเรือนในตำบลปากพลี อำเภอปากพลี เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อขนย้ายทรัพย์สิน

วันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 13 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายของพายุดีเปรสชัน คมปาซุ ระบุว่าได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว หลังจากขึ้นฝั่งตอนเหนือของเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ฝนตกที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เตือนว่าระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะเพิ่มสูงขึ้น จากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่าน และฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง ทั้งไทยและลาว ส่งผลให้แม่น้ำโขงที่นครพนม แนวโน้มสูงขึ้น 20 เซน ถึง 1 เมตร 30 เซนติเมตร มุกดาหารเพิ่มขึ้น 30 เซน ถึง 1 เมตร 20 เซนติเมตร และอุบลราชธานี แนวโน้มสูงขึ้น 15 เซน ถึง 1 เมตร 60 เซนติเมตร