พิยดา น้ำตาซึม อ้างถูกแฟนหนุ่มหลอกใช้จนต้องติดคุก โบ้ยครอบครัวแฟนโกงเด็ก พร้อมขอโทษญาติน้องก้อง แม้ไม่ได้ทำแต่มีชื่อในคดี ขณะที่ แฟนหนุ่มโต้กลับ ยืนยันบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวพฤติกรรมโกง

(29 ก.ย.) ช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เร่งสอบปากคำ น.ส.พิยดา อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟนนักเรียนชั้น ม.2 แล้วเชิดเงินหนี จนเด็กเครียดเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต หลังสอบสวนเสร็จสิ้น ได้นำส่งไปควบคุมตัวต่อที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่

ขณะที่พนักงานสอบสวนไปศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขัง น.ส.พิยดา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน โดยมีทนายความของ น.ส.พิยดา ตามไปเพื่อเตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัว ซึ่งมีรายงานว่า หากศาลให้ประกันตัว จะมีหมายจับจากพื้นที่อื่น มาอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อ

โดย น.ส.พิยดา ตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวระหว่างถูกนำตัวไปขึ้นรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และน้ำตาซึมว่ารู้สึกเสียใจและเครียดมาก ที่ครอบครัวแฟนโยนความผิดทั้งหมดมาให้ เหมือนโดนหลอกใช้เป็นเครื่องมือมาตลอด พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงขายสินค้าออนไลน์กับผู้เสียหาย ส่วนเรื่องน้องก้องที่เสียชีวิต ตอนนี้มีชื่อของเธออยู่ในคดี ก็ต้องขอโทษครอบครัวน้องที่เสียชีวิตด้วย ยืนยันจะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด

ด้าน นายวิเชียร อินเรน ทนายความส่วนตัวของ น.ส.พิยดา เผยว่า พิยดายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนี้จะเร่งตรวจสอบรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายเพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานยืนยันในการต่อสู้คดี ส่วนประเด็นที่บอกว่า ครอบครัวของแฟนหนุ่มเป็นผู้บงการทั้งหมด โดยที่ตัวเองไม่รู้เห็น ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง

ส่วนเรื่องเงิน 7 แสนบาท ที่พ่อและแม่เลี้ยงเตรียมมาใช้ประกันตัว แต่ถูกตำรวจอายัดไปตรวจสอบนั้น กำลังเร่งทำเรื่องขอคืนจากตำรวจ ทั้งนี้ไม่ขอออกความเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนจะพยายามทำเรื่องประกันตัวให้ทันภายในวันนี้ ส่วนจะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจกองบังคับการสืบสวน ภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.นำกำลังเข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งใกล้ สภ.นาหวาย ที่ นายกลยุทธ์ อายุ 45 ปี และนางวีรวรรณ อายุ 43 ปี พ่อและแม่เลี้ยง น.ส.พิยดาเข้าพักระหว่างติดต่อขอประกันตัว โดยได้ยึดเงินสด 7 แสนบาท พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง รถยนต์บีเอ็มดับบลิว เอ็กซ์ 1 สีดำ ทะเบียน 2 ขฏ 9399 กทม. เพื่อนำไปตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สิน

สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งคู่ พร้อมบอกว่าทรัพย์สินที่ยึดไปนั้น เป็นหลักทรัพย์ที่เตรียมมาเพื่อประกันตัวลูกสาว ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ตำรวจให้นำหลักฐานการได้มาของทรัพย์สินมาแสดงที่มาที่ไป เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งคู่จึงต้องเช่ารถไปติดต่อธนาคารที่ตัวอำเภอเชียงดาว เพื่อขอหลักฐานมายืนยัน

ขณะที่เหยื่อนางสาวพิยดา ยืนยันไม่อยากให้นางสาวพิยดาได้ประกันตัว เพราะต้องการให้ชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เชื่อทำเป็นขบวนการ ขณะที่แม่เลี้ยง นางสาวพิยดา แฉกลับ ครอบครัวแฟนลูกสาวเป็นคนโกง ขอให้ตำรวจไปตรวจสอบเพื่อจะได้รู้ความจริง

โดย คุณพลอย, คุณชบาแก้ว และ คุณโม ทั้งหมดเป็นเหยื่อที่ถูกนางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ ที่ถูกหลอกขายไอโฟน มือสอง มาเปิดใจในรายการโหนกระแส โดยคุณพลอย ยอมรับว่าหลังออกรายการโหนกระแส ถูกชายลึกลับโทรศัพท์อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ ให้หยุดรวบรวมผู้เสียหาย ที่เป็นเหยื่อของนางสาวพิยดา แต่ตนยืนยันว่าจะต่อสู้ต่อไปเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ส่วน คุณโม ซึ่งรับจ้างร้อยพวงมาลัยได้เงินพวงละ 1 บาท ถึง 5 พันพวง เพื่อเอาเงิน 5 พันบาท มารวมกับของแม่อีก 3 พันบาท จนครบ 8 พันบาท แล้วไปซื้อไอโฟนมือสองจากนางสาวพิยดา แต่สุดท้ายถูกโกง ยืนยันว่าไม่ต้องการให้นางสาวพิยดา ได้รับการประกันตัว และ ไม่เชื่อว่านางสาวพิยดา จะทำคนเดียว อยากให้ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับคนอืน เพราะสิงที่เกิดขึ้นทำให้น้องก้อง เสียชีวิต ส่วนเหยื่อรายอื่นก็อยู่เหมือนตายทั้งเป็น

ทางด้าน นางสาววีรวรรณ บุญประกอบ แม่เลี้ยงของนางสาวพิยดา ได้โฟนอินมาในรายการ ยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกสาว โดยบอกว่าลูกสาว ไม่ได้โกงผู้เสียหาย แต่เป็นฝั่งครอบครัวนายฟิล์ม แฟนของลูกสาวเป็นคนโกงหลอกขายไอโฟนให้ผู้เสียหาย ที่่ผ่านมาลูกสาว ต้องแบกรับภาระโอนเงินให้ครอบครัวนายฟิล์มด้วย และอยากให้ตำรวจไปตรวจสอบครอบครัวของนายฟิล์ม เพื่อจะได้รู้ความจริง

ส่วนเงินสด 7 แสนบาท ที่ถูกตำรวจยึดไปนั้น ยืนยันว่าทางแอพโชปี ได้โอนมาให้โดยเป็นเงินที่ตนได้จากการขายเสื้อผ้าออนไลน์ ซึ่งตนเตรียมนำเอกสารไปชี้แจงของเงินจำนวนนี้กับตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์

ล่าสุดทีมข่าวคุยกับ นายฟิล์ม แฟนหนุ่มของพิยดา ชี้แจงว่า ตนเองไม่รู้จักแม่เลี้ยงของพิยดา และพึ่งรู้จักวันนี้ว่าแฟนสาวมีแม่เลี้ยง ยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้นตนไม่สามารถติดต่อไปหาแฟนสาวได้ และวันนี้ทราบว่าแม่เลี้ยงแฟนสาวกล่าวอ้างปัดเรื่องราวทั้งหมดว่าตนเองเป็นคนทำ ไม่ขอพูดอะไรมาก ตนเองก็เข้าใจว่าครอบครัวแฟนสาวก็อยากปกป้องลูกเขาบ้าง

ส่วนเรื่องรถ BMW ยอมรับว่า พิยดา ซื้อรถให้จริง ซึ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดของตนเอง ส่วนบ้านเป็นทรัพย์สินของครอบครัวตนเองๆ ไม่ได้ซื้อให้

นายฟิล์ บอกว่า ตนกับพิยดาเป็นแฟนกันมา 7 ปี ยอมรับว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาเคยรับรู้ว่าพิยดา แฟนสาวทำธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือ เพราะก่อนหน้านี้พี่สาวตนเองอยากได้มือรุ่นไหน แฟนสาวก็จะช่วยหามาให้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด และตนเองได้บอกให้เลิกทำก่อนหันมาทำธุรกิจเสื้อผ้า ขณะนี้ตนเองและครอบครัว มีการเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ไว้เบื้องต้นหากเจ้าหน้าที่ร้องขอตรวจสอบ ก็พร้อมให้ความร่วมมือ ยืนยันจะไม่หนีไปไหน

ด้านแม่ของฟิล์ม เปิดใจว่า ยอมรับเลยว่าวันที่ตำรวจมาค้นบ้าน ของแบรนด์เนมที่มายึดไปเป็นของพิยดาทั้งหมด พิยดานำมาฝากไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นตำรวจก็มาตรวจค้น พิยดาก็อ้างว่าตำรวจมาค้นเพราะเป็นคดีเก่า ตำรวจจะมาแกล้ง จะมายึดของไป จึงไม่ได้สงสัยอะไร เพราะพิยดา จะบอกเสมอว่ารายได้ ที่ได้มาส่วนใหญ่มาจากการขายเสื้อผ้าออนไลน์

แม่ของฟิล์ม ยังบอกด้วยว่า เมื่อปี 2562 เคยอยู่บ้านหลังหนึ่งที่จรัญสนิทวงศ์ ตอนนั้นตำรวจก็มาค้นบ้าน แม่ของฟิล์มบอกว่าอับอาย เพื่อนบ้าน ก็เลยหนีมาอยู่บ้าน ปัจจุบันที่ราชพฤกษ์ ตอนนั้นแม่ของฟิล์มก็สั่งสอนพิยดาตลอด เลยว่าอย่าทำอีก รวยไปก็ไม่มีความสุข เพราะเครียดและเดือดร้อน กันหมด ส่วนที่พิยดา คบกับลูกชายตนประมาณ 7 ปี จะไปมาหาสู่กันอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง คิดเสมอว่าฝ่ายหญิงเป็นเสมือนลูกสาวแท้ๆ ส่วนนิสัยพิยดามี 2 บุคคลิก บางครั้ง ร่าเริง น่ารัก บางครั้งก็เครียด เงียบ ยืนยันว่าฟิล์มไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนี้ฟิล์มก็เครียดมาก

พ่อของฟิล์ม ระบุว่า รู้สึกเครียดมาก ซึ่งขอยืนยันว่าคนในครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถ้าเกี่ยวข้อง ตำรวจคงออกหมายจับไปแล้ว เพราะฉะนั้นปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินคดีเอง ทั้งนี้ได้เตรียมนำเอกสารยืนยันที่มาของรายได้ ไปยื่น ปปง. รวมถึงเงินในบัญชีธนาคารซึ่งมีเพียงหลักแสนบาทเท่านั้น จะนำไปยืนยันความบริสุทธิ์ของครอบครัว อยากถามสังคมด้วยว่าถ้าตนมีส่วนร่วมกับพิยดาทำไมถึงมีทรัพย์สินเพียงเท่านี้ ขณะที่พิยดามีเงินหลักสิบๆ ล้าน

รับชมทางยูทูปที่ : https://youtu.be/o1kza6vJmzM