วันที่ 28 กันยายน 2564 ผู้อำนวยการกองการศึกษาขององค์การบริหารแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ทุจริต แอบเบิกเงินศูนย์เด็กเล็ก จำนวน 7 แห่ง เข้ากระเป๋าตนเอง จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบมียอดเงินหายจากสมุดบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร ทั้ง 7 เล่มบัญชี รวมยอดเงิน กว่า 2 ล้านบาทเศษ ส่วนผู้ที่ทำการทุจริตเงินของศูนย์เด็กเล็ก ถูกเปิดเผยชื่อในเวลาต่อมา คือ นางสาวภัทราพร อายุ 44 ปี ตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษา ซึ่งเจ้าตัวมีการปลอมเอกสารแอบเบิกเงินของศูนย์เด็กเล็ก ทั้ง 7 แห่ง

โดยเอกสารการเบิกเงินที่ทางธนาคารนำมามอบให้กับทาง อบต. พบมีการแอบทำมาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม ยอดเงินที่หายรวมแล้ว 2 ล้าน 3 แสนบาทเศษ ทั้งที่การเบิกเงินออกจากบัญชีธนาคารจะต้องมีลายเซ็น การเบิกทั้งหมด 3 คน คือ ครูของแต่ละศูนย์ จำนวน 2 คน และ ผอ. กองการศึกษา 1 คน เซ็นร่วมกันถึงจะทำการเบิกเงินได้

แต่เรื่องเกิดแดงขึ้นมาในตอนที่ร้านค้านำเครื่องเล่นของศูนย์เด็กเล็กมาส่ง ซึ่งเด็กแต่ละคนที่มาเรียนในศูนย์ฯ จะมีเงินรายหัว หัวละ 1,700 บาท ในการซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่น รวมเด็กทั้ง 7 ศูนย์เด็กเล็ก มีจำนวน 208 คน รวมยอดเงินสินค้าที่ต้องเบิกจ่าย 353,600 บาท โดยทางร้านขอเบิกเงินแต่ทางกองการศึกษากลับตอบว่าไม่มีเงินจ่าย ทั้งที่ศูนย์เด็กเล็กแต่ละแห่งมีเงินสะสมอยู่แล้ว

ทาง ผอ.กองคลัง และหัวหน้าสำนักปลัดจึงทำการตรวจสอบจนพบว่า มีการปลอมเอกสาร เพื่อเบิกถอนเงินออกไปใช้ส่วนตัว โดยมีการทยอยเบิกเงิน ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น มีการเริ่มทุจริต มาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือนกรกฎาคม 2564 ยอดเงินที่ถูกทุจริต รวมทะลุ 2 ล้านกว่าบาท

ขณะที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบล เผยว่า จากการสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือกับนางสาวภัทราพร ผอ.กองการศึกษา ได้ยอมรับกับตนเองว่า เป็นคนลงมือปลอมแปลงเอกสารขึ้นมาเอง และเอาเงินไปใช้หมด โดยมีการเบิกทีละหลักพัน หลักหมื่น หลักแสน โดยเรื่องนี้ไม่มีใครร่วมขบวนการ 

ส่วนเรื่องการจรวจสอบทางธนาคาร ตอนนี้มีหลักฐานทั้งหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบล จะได้ทำการตรวจสอบว่าเรื่องการทุจริต แอบเบิกเงินศูนย์เด็กเล็กไปใช้ มีใครที่มีส่วนรู้เห็น หรือมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ขณะที่ผลทางด้านคดี ตัวนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ผอ.กองคลัง ไปดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับ นางสาวภัทราพร ผอ.กองการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว