ผลการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีว่า ออกมาสูสีจนยากจะดูออกว่าพรรคฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวาจะได้จัดตั้งรัฐบาล หลังจากนางแองเกลา แมร์เคิล วางมือจากการเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างยาวนาน 16 ปี

พรรคโซเชียล เดโมเครต หรือ เอสพีดี ซึ่งเป็นฝ่ายซ้าย-กลาง ภายใต้การนำของ นายโอลาฟ ชอลซ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้คะแนนเสียงไปร้อยละ 25.7

ส่วนพรรคคริสเตียน เดโมเครติก ยูเนียน (ซีดียู/ซีเอสยู) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา-กลาง ที่มีนายอาร์มิน ลาเชต เป็นหัวหน้าพรรคแทนนางแมร์เคิล ทำคะแนนได้ต่ำสุดนับจากสงครามโลกครั้งที่สอง คือร้อยละ 24.1 ดิ่งวูบจากเมื่อ 4 ปีก่อนที่ทำได้ 32.9%

ตามมาด้วยพรรคกรีน 14.8% ซึ่งผลการเลือกตั้งดังกล่าวนับเป็นผลที่เยอรมนีไม่เคยเจอมาก่อนว่า พรรคที่จะเป็นแกนนำรัฐบาล มีสัดส่วนชัยชนะน้อยกว่า 31%

จากผลดังกล่าว จึงคาดเดาไม่ออกว่า พรรคที่มีคะแนนมาเป็นที่ 3 และที่ 4 จะสนับสนุนพรรคใดเป็นแกนนำรัฐบาล อีกทั้งกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลของชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ยังซับซ้อนและกินเวลานาน

ทั้งนี้ พรรคที่มีคะแนนดีที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งรับประกันได้ว่า หัวหน้าพรรคนั้นจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สถานการณ์นี้ทำให้นางแมร์เคิลต้องรักษาการผู้นำประเทศต่อไป จนกว่าจะตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ลงตัว และ ถ้ายังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ นางแมร์เคิลก็จะรักษาการเก้าอี้นายกฯ ต่อไปเรื่อยๆ ก่อน

ทั้งนี้ พรรคที่จะถูกทาบทามเข้าร่วมรัฐบาลจากทั้งสองฝ่ายมากที่สุด คือพรรคที่ได้อัน 3 และ 4 ซึ่งก่อนการเลือกตั้ง พรรคกรีนมีแนวโน้มร่วมกับพรรค เอสพีดี ซึ่งได้คะแนนมากที่สุด ส่วนพรรคฟรีเดโมแครตส์ ซึ่งได้อันดับ 4 ก็เอนเอียงมาสนับสนุนพรรค ซีดียู ซึ่งได้อันดับ 2