หลังจากสอบปากคำมาทั้งคืน วานนี้ (21 ก.ย.) ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 คุมตัว น้องไข่เน่า วัย 19 ปี และแฟนหนุ่ม วัย 20 ปี สอบปากคำเกือบ 5 ชม.มีทนายความของทั้ง 2 คนร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย

ก่อนจะอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ในวงเงิน 1 แสนบาท แต่มีเงื่อนไข ห้ามกลับไปทำคลิปลับอีก เนื่องจากเล็งเห็นว่าทั้งคู่ได้สำนึกผิดแล้ว จากนี้จะได้รวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ สอท. เผยว่าหลังจากนี้เตรียมประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปิดการเข้าถึงเว็บไซต์ onlyfans แม้ตัวเว็บไซต์จะไม่ผิด เพราะเปิดถูกต้อง แต่ผู้ใช้ใช้ในทางที่ผิดก็ตาม ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่ใช้เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร และหากพบว่าใครทำแบบนี้ก็จะดำเนินคดีเช่นกัน

ไม่สามารถปล่อยผ่านได้ เพื่อจรรโลงความถูกต้องในศีลธรรมอันดีของประเทศไทย ซึ่งส่งผลต่อเยาวชนที่จะเติบโตมา ไม่หวั่นว่าจะมีคนวิจารณ์เพราะทำตามหน้าที่ ถือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ทั้งคนทำ และคนที่มาคอมเม้นต์ ส่วนเรื่องเงินรายได้ยืนยันว่าตรวจสอบพบว่ามีรายรับจำนวนมาก

นอกจากนี้ พล.ต.ท.กรไชย ยังระบุ จากการพูดคุย ทั้งสองคนสำนึกผิด และพูดในทำนองว่ารู้สึกเสียใจ ซึ่งก็เป็นธรรมชาติทุกคนก็จะพูดอย่างนี้หลังจากที่ทำผิดแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะกลับมาอีกหรือเปล่า

เมื่อมีข่าวการจับดำเนินคดีน้องไข่เน่า ในเพจเฟซบุ๊กกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. หรือ ccib ก็งานเข้า ถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เช่น มีคดีที่เป็นความผิดต่อทรัพย์มากมาย ที่หลอกลวงในโลกออนไลน์ ทำไมไม่ไปจับ ทั้งเว็บพนัน แชร์ลูกโซ่ หลอกขายของออนไลน์ เป็นต้น 

ผู้บัญชาการสอท.ฝากบอกว่า การคอมเม้นต์ใช้คำพูดล่วงเกิน ตำรวจไซเบอร์ ในการจับกุมน้องไข่เน่าในครั้งนี้ก็จะเก็บรวบรวมหลักฐานไว้ แต่จะยังไม่ดำเนินการเอาผิด เพราะไม่อยากให้สังคมมองว่าผู้ใหญ่แกล้งเด็ก แต่หากยังมีพฤติกรรมพูดจาดูถูกหรือล่วงเกินอย่างร้ายแรง ก็พร้อมจะนำตัวมาดำเนินคดี แม้หลายแอคเคาน์จะเป็นของปลอม ก็สามารถติดตามตัวได้

สำหรับน้องไข่เน่าและแฟนหนุ่มถูกตำรวจ บก.สอท. จับได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพราะที่ไม่ได้เข้าพักที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง ตำรวจเกรงว่า จะหลบหนี จึงขอศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับใน 2 ข้อหา คือ

ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าหรือส่งออก สื่อลามก โดยมีวัตถุประสงค์แก่การค้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ข้อหานำเข้าข้อมูลลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพแค่ข้อหาแรก ส่วน พ.ร.บ.คอมฯ ยังภาคเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้เปิดให้สาธารณะดู แต่ก็ถือว่าเข้าข่ายความผิด เพราะจากพยานหลักฐานของตำรวจที่ใช้ในการขอหมายจับ พบว่าบุคคลทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้โดยการใช้เงิน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/9kIVPfeAGiw