นิวซีแลนด์สั่งปรับสูงสุด 2.8 แสนบาท ละเมิดล็อคดาวน์ ตำรวจจับ 2 หนุ่มละเมิดล็อกดาวน์ออกมาซื้อไก่เคเอฟซี

นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำหญิงแห่งนิวซีแลนด์ ประกาศยกระดับบทลงโทษผู้ละเมิดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยบุคคลที่จงใจไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับโควิด-19 เช่น เดินทางโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถือว่ากระทำความผิดทางอาญาและมีระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 12,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 280,000 บาท) เพิ่มขึ้นจาก 4,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 93,500 บาท) หรือจำคุก 6 เดือน

โดยค่าปรับสำหรับบริษัทหรือภาคเอกชนที่ละมิดข้อบังคับอาจสูงถึง 15,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 350,000 บาท) ทีเดียว

นอกจากนั้น หากใครไม่สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ที่บังคับให้สวมใส่ จะปรับ 4,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 93,500 บาท) เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่เคยปรับในอัตรา 300 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (กว่า 7,000 บาท)

และหากมีการดำเนินคดีในชั้นศาล ศาลสามารถกำหนดโทษปรับสูงสุดที่ 12,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 280,000 บาท) ได้

ขณะเดียวกัน ตำรวจนิวซีแลนด์แถลงพบชาย 2 คนพยายามขับกลับเข้าเมืองโอ๊คแลนด์ ที่กำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์กันการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมกับไก่ทอดเคเอฟซี 3 ถังใหญ่เหมือนเป็นงานเลี้ยง พร้อมกับเงินสดจำนวน 100,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ที่ถูกซุกไว้ภายในรถ

ตำรวจได้จับกุมชาย 2 คนอายุ 23 ปี และ 30 ปี ในข้อหาละเมิดมาตรการล็อกดาวน์ โดยทั้งสองเดินทางมาจากเมืองแฮมมิลตัน ห่างออกไปราว 120 กิโลเมตร

ทั้งนี้พบว่าคนทั้งคู่พยายามขับหนีตำรวจด้วย และเมื่อรถของพวกเขาถูกตำรวจค้นนอกเหนือจากไก่เคเอฟซีและเงินสดแล้ว ยังพบถุงแบ่งจำนวนหนึ่งซุกอยู่ข้างในอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความอัดอั้นของประชาชน ที่ต้องผจญกับการล็อกดาวน์ที่ไม่อนุญาตเปิดร้านอาหาร ภัตตาคารและห้ามการสั่งอาหารกลับบ้านที่ชาวเมืองต้องอดทนมานานหลายเดือน