ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้เด็กอายุ 10-18 ปี ครั้งแรกของไทย หลังพบเด็กติดเชื้อมากเกือบ 2 แสนคน

เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ 20 กันยายน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อ ซิโนฟาร์มในเด็กอายุ 10-18 ปี กว่า 108,000 คนซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ผลที่ได้จากการฉีดในครั้งนี้จะถูกนำมาใช้ในงานวิจัย เพื่อให้คณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. พิจารณาอนุมัติการฉีดวัคซีนในเด็ก หลังที่ผ่านมามีเด็กติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่า 13% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด หรือเกือบ 2 แสนคน

โดยนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษากลุ่มนี้ ทยอยมาเข้าคิวรับฉีดวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ตามโครงการ Vacc 2 School นำร่องการฉีดวัคซีนยี่ห้อซิโนฟาร์ม ให้เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 10-18 ปี ผ่านการเปิดรับสมัครให้สถานศึกษายื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนเพื่อการวิจัยจำนวนนี้

นับเป็นครั้งแรกที่ไทยเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยขั้นตอนการฉีดไม่ต่างจากผู้ใหญ่ มีการสังเกตอาการ การแนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวทั้งก่อนและหลังรับการฉีดวัคซีน เช่น ไม่ออกกำลังกายหนัก และควรพักผ่อนให้เพียงพอ โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะมีระบบติดตามอาการเป็นระยะตลอด 1 เดือน ก่อนเข้ารับการฉีดเข็มที่ 2 ห่างกัน 3 สัปดาห์

ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ระบุว่า ราชวิยาลัยจุฬาภรณ์จะนำข้อมูลกลุ่มตัวอย่างเด็ก 200 คน ใช้ยื่นเป็นงานวิจัยให้กับคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. พิจารณารับรองการฉีดวัคซีนให้เด็กในวัยนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการยื่นขอขึ้นทะเบียนการใช้วัคซีนซิโนฟาร์มในเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป

ปัจจุบันมีข้อมูลการใช้วัคซีนซิโนฟาร์มในเด็ก ทั้งจากจีน ศรีลังกา และชิลี พบผลข้างเคียงราว 0.2% ส่วนใหญ่เป็นอาการปวดเมื่อยตามร่างกายและเป็นไข้ ขณะที่ไทยมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ติดเชื้ออยู่ที่ราว 13% หรือ เกือบ 2 แสนคนของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในขณะนี้

เด็กๆ ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในวันนี้ ยอมรับว่าดีใจที่จะได้ฉีดวัคซีน เนื่องจากพวกเขาต้องการกลับไปเรียนที่สถานศึกษา มากกว่าการเรียนออนไลน์ที่บ้าน ขณะที่ผู้ปกครองยอมรับว่าการเลือกวัคซีนชนิดเชื้อตาย ให้ลูกเพราะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้มานาน มีผลข้างเคียงน้อย อนาคตหากมีผลวิจัยวัคซีนที่ดีกว่าค่อยนำมาพิจารณาอีกครั้ง

สำหรับการวิจัย VACC 2 School ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เปิดรับสถานศึกษาที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 132 แห่ง จำนวน 108,319 คน ซึ่งจะทยอยฉีดต่อเนื่องไปจนถึง 15 ตุลาคมนี้