ฮือประชาทัณฑ์ สาปแช่ง คนร้ายฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ตร.แจ้ง 3 ข้อหาหนัก

อาชญากรรม

ฮือประชาทัณฑ์ สาปแช่ง คนร้ายฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ตร.แจ้ง 3 ข้อหาหนัก

โดย passamon_a

18 ก.ย. 2564

116 views

รุมประชาทัณฑ์ ไอ้แอะ ผู้ต้องหาฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ขณะตำรวจคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ชาวบ้านเดือดจัด ฝ่าวงล้อมตำรวจกระโดดถีบ ตำรวจคุมตัวฝากขังเช้านี้


กรณีการจับกุม นายอุดร เกณฑ์มา หรือแอะ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าปาดคอ นางสาวหยดน้ำ อายุ 23 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ขณะที่กำลังนำรถจักรยานยนต์จะออกจากจุดจอดรถ เพื่อขับรถกลับบ้านพัก เหตุเกิดบริเวณ ร้านอาหารอีสาน ริมทางบ้านบึง-บ้านค่าย ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดไทม์ไลน์กว่า 10 วัน มือฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ก่อนโดนรวบ ด้านแม่แฉวีรกรรมโหด


โดยนายอุดร ใช้มีดปาดคอจนเป็นแผลฉกรรจ์ และอำพรางศพด้วยการนำศพห่อเสื่อไว้ และใช้ผ้าแสลนสีเขียวปิดบังอีกชั้น หลังก่อเหตุนายอุดร ก็อำพรางตัวเอง ทั้งการใส่ชุดขาวเหมือนผู้ปฏิบัติธรรม การโกนผมให้คล้ายกับตำรวจ หลบหนีไปนาน 10 วัน จนจับกุมตัวได้


เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจ สภ.หนองกรับ นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยก่อนออกจากห้องขัง ตำรวจก็ได้ตรวจเชื้อโควิดด้วยชุดตรวจเอทีเคก่อน พบว่าผลเป็นลบ จึงพิมม์ลายนิ้วมือ และนำเสื้อเกราะ หมวกกันน็อค มาให้ผู้ต้องหาใส่ จากนั้นก็นำตัวขึ้นรถกระบะ โดยมีตำรวจควบคุมตัวตลอดเวลาและมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 70 นาย คอยกันพื้นที่ไว้




โดยจุดแรก ไปจุดที่ทิ้งหน้ากากอนามัย เปลี่ยนชุดหลังก่อเหตุ เป็นบ้านร้างใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร จากนั้นก็นำตัวมาที่จุดก่อเหตุ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชุลมุน มีประชาชนกว่า 300 คน มายืนมุงรอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งสองข้างทาง เจ้าหน้าที่นำเชือกกั้นพื้นที่และประกาศขอความร่วมมือประชาชนขอให้ทำแผนให้เสร็จสิ้นด้วยดี อยู่ในอาการสงบ




จากนั้นก็นำตัวนายอุดร ลงจากรถ ทันที่ที่ก้าวขาลงมา ชาวบ้านก็ตะโกนด่าสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น เจ้าหน้าที่นำตัวไปจำลองเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่จุดจอดรถจักรยายนต์ของผู้ตายที่จอดบริเวณนนี้ประจำ โดยนายอุดร เข้ามาประกบระยะประชิดโดยที่ผู้เสียชีวิตไม่รู้ตัว จากนั้นพยายามต่อสู้นายอุดร จึงใชมีดพกปาดคอเกือบขาด ผู้เสียชีวิตล้มลงจมกองเลือด จากนั้นก็ลงมืออำพรางด้วยการนำเสื่อมาห่อที่ศพและซับเลือดไว้ และลากร่างของผู้เสียชีวิต มาวางที่พื้นดิน หน้าร้าน ถอดเสื้อออก และก็นำผ้าสแลนสีเขียวปิดทับไว้เหมือนเดิม ซึ่งหากไม่มีการสังเกตก็จะไม่รู้ว่ามีศพอยู่ภายใน




จากนั้นก็เดินออกมาโยนมีดที่ปาดคอขึ้นไปบนหลังคา และช่วงวันเกิดเหตุเกิดฝนตกหนัก นายอุดรก็เดินมานั่งรอฝนซาที่กระท่อมข้าง ๆ ที่เกิดเหตุ จากนั้นก็ขับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป ซึ่งการทำแผนที่จุดเกิดเหตุเสร็จสิ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นแล้ว ช่วงจังหวะนี้ ทีมข่าวสอบถามนายอุดรว่า ที่ก่อเหตุทำไปเพราะอะไร นายอุดรตอบสั้น ๆ ว่าเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตคือผู้ชาย และขอโทษ


จากนั้นตำรวจนำตัวขึ้นรถเพื่อไปทำแผนจุดที่ทิ้งกระเป๋าผู้เสียชีวิตและเส้นทางหลบหนี ปรากฏว่า ชาวบ้าน เพื่อนร่วมงานและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต โกรธแค้นที่นายอุดร ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม ชายเสื้อเหลืองซึ่งเป็นญาติก็กระโดดปรี่เข้าไปต่อย เตะ นายอุดร ท่ามกลางกำลังตำรวจคุ้มกัน จากนั้นก็ลุกฮือ รุมประชาทัณฑ์ทั้งต่อย เตะ กระชาก เรียกว่าชุลมุนจนฝุ่นตลบ ใช้เวลาประมาณเกือบ 10 นาที ตำรวจต้องคอยกันและควบคุมสถานการณ์ให้สงบ และยุติการทำแผนจุดอื่น ๆ ทันที นำตัวนายอุดร กลับ สภ.หนองกรับ ไปควบคุมตัวและจะส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดระยองในวันนี้ (18 ก.ย.)




หลังตำรวจควบคุมตัวนายแอะออกจากพื้นที่แล้ว สถานการณ์ก็สงบลง พบว่ามีทั้งตำรวจ ชาวบ้าน นักข่าว ช่าวภาพ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไปตาม ๆ กัน




จากการสอบถาม หนึ่งในผู้ที่เข้าไปต่อยนายอุดร บอกว่า ผมแค้น ที่มาทำกับพี่ ได้อย่างไรมาฆ่าทำไมพี่ผมทำอะไรผิด




จากนั้นคุณป้าของนางสาวหยดน้ำ ก็จุดธูปบอกดวงวิญญาณของน้องหยดน้ำ ให้รับรู้ว่าจับคนร้ายได้แล้วและมาทำแผนแล้ว ขอให้ดวงวิญญาณของน้องหยดน้ำไปสู่สุขคติ ซึ่งคุณป้าของน้องหยดน้ำบอกว่ารับไม่ได้กับการกระทำของนายอุดร และที่อ้างว่าเมายาบ้าจึงต้องก่อเหตุ ฟังไม่ขึ้น และอยากถามว่า นายอุดร มีครอบครัวญาติพี่น้องบ้างมั้ย ถ้าญาติตัวเองโดนฆ่าตายแบบนี้ จะทำอย่างไร ขอให้ได้รับโทษสูงสุด ประหารชีวิต


ยอมรับว่าการก่อเหตุของนายอุดร โหดเหี้ยม สะเทือนขวัญ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันที่ 6 กันยายน ร้านขายอาหารอีสาน ร้านน้ำปั่น ต้องหยุดขายเพราะหวาดผวาหากตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้




สำหรับการดำเนินคดีนั้น พันตำรวจเอก มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา 3 ข้อหา 1. ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2. ซ่อนเร้นอำพรางศพหรือยักย้ายทำลายเพื่อปิดบังการตาย 3. ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย


ส่วนพฤติกรรมของนายอุดร แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายคนวิกลจริต นั้น พันตำรวจเอกมานะ ระบุว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการกระทำของผู้ต้องหา มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนขณะก่อเหตุและหลบหนีแต่ผู้ต้องหาให้การวกวน ทั้งสาเหตุการก่อเหตุ อ้างว่า ต้องการเงินจากผู้เสียชีวิต อ้างว่าผู้เสียชีวิตคือแฟนเก่า และ อ้างว่าที่ลงมือก่อเหตุเพราะเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชาย ทั้งหมดเป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งแท้จริงแล้ว เขาเสพยาบ้ามา 3 เม็ดและมีอาการหลอนจึงก่อเหตุ โดยแอบซุ่มมองผู้เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน


ซึ่งพฤติกรรมของนายอุดร นั้น หลังจากพ้นโทษคดีพยายามฆ่าเมื่อปี 2556 เมื่อพ้นโทษออกมากก็ไปบวช ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย และสึกออกมาก็ก่อเหตุทำร้ายร่างกายมารดา ด้วยการตัดนิ้วมือขาด 3 นิ้ว ส่วนพ่อเลี้ยงก็แทงและคว้านท้องจนต้องเย็บกว่า 100 เข็ม ครอบครัวรับพฤติกรรมไม่ได้ นายอุดรก็ออกมาทำงานรับจ้างทั่วไป โดนช่วงก่อนโควิดระบาด ทำงานรับจ้างในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา


จนกระทั่งโควิดระบาด ตกงานไม่มีงานทำ ก็เดินทางมาที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อจะหางานทำ และอาศัยกินนอนตามบ้านร้างใกล้จุดเกิดเหตุ จนกระทั่งพบเห็นผู้ตายมาเอารถจักรยานยนต์ตอนกลางดึก ดูลาดเลาอยู่ 2 วันจึงก่อเหตุ และหลบหนีไป 10 วัน


ซึ่งพอจับกุมตัวได้ นายอุดร ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในห้องขังก็บอกกับตำรวจว่า ตัวเองบวชเรียนมีวิชาอาคมแก่กล้า และพบนิพพานในถ้ำแห่งหนึ่ง การที่ตำรวจตามจับไม่ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะวิชาอาคมที่มีติดตัวขณะบวช ช่วยให้หลบหนีตำรวจได้


รับชมทางยูทูปที่ : https://youtu.be/a-z872yIaI4

คุณอาจสนใจ

Related News