แพทย์ภูเก็ตแถลงผลวิจัย ฉีดเข็ม 3 ใต้ผิวหนัง ภูมิขึ้นสูง ใช้วัคซีนน้อยกว่าเดิม 5 เท่า

สังคม

แพทย์ภูเก็ตแถลงผลวิจัย ฉีดเข็ม 3 ใต้ผิวหนัง ภูมิขึ้นสูง ใช้วัคซีนน้อยกว่าเดิม 5 เท่า

โดย thichaphat_d

16 ก.ย. 2564

390 views

เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.) นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แพทย์หญิงวิทิตา แจ้งเอี่ยม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายประชา อัศวธีระ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ภาคใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงข่าว ผลงานวิจัยการฉีดวัคซีนใต้ผิวหนัง โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ณ ห้องประชุม บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมืองจำกัด


นายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ประสบความสำเร็จในการทำวิจัยฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วย วัคซีนแอสตราเซเนกา แบบฉีดเข้าผิวหนังโดยใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 20% นำโดย พญ.ศุภลักษณ์ ละอองเพชร และ พญ. วิทิตา แจ้งเอี่ยม ได้ริเริ่มงานวิจัยนี้เพื่อเป็นทางเลือกในการบริหารวัคซีนของจังหวัดภูเก็ต และน่าเป็นทางเลือกของประเทศไทยในการใช้วัคซีนเข็มที่ 3 ที่ใช้ปริมาณน้อยลงถึง 5 เท่า


ด้าน แพทย์หญิง วิทิตา แจ้งเอี่ยม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่า การวิจัยนี้ได้มีอาสาสมัครอายุระหว่าง 18-60 ปี จำนวน 242 คนที่เคยได้รับวัคซีนซิโนแวค แล้ว 2 เข็มเข้าร่วมโครงการ โดยแบ่งอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้รับการฉีดแบบทั่วไป (แบบเข้ากล้ามเนื้อ) จำนวน 120 คนโดยได้รับวัคซีน 0.5 ml และกลุ่มที่ 2 ได้รับการฉีดแบบใต้ผิวหนัง จำนวน 122 คน โดยได้รับวัคซีน 0.1 ml หรือ 1 ใน 5 ของการฉีดแบบทั่วไป


ผลการทดลองพบว่าภูมิต้านทานของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปเล็กน้อย โดยผู้ที่รับการวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,662.3 AU/ml และ ผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,214.1 AU/ml โดยผู้รับวัคซีนทั้งสองกลุ่มมีค่าภูมิคุ้มเกินเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด (840 AU/ml) ซึ่งผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีน้อยกว่าการฉีดแบบทั่วไป เช่น มีไข้ หรือปวดศีรษะเพียง 70 ราย เมื่อเทียบกับ การฉีดแบบทั่วไป 98 ราย แต่การฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังจะมีผลข้างเคียงบริเวณที่ฉีดเช่น ระคายเคือง และบวมแดงมากกว่าแต่ไม่เป็นที่น่าวิตกกังวล


"การวิจัยนี้ทำเพื่อยืนยันผลการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังว่า ภูมิคุ้มกันหลังฉีดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับหรือสูงกว่าการฉีดแบบทั่วไป และเป็นการเปิดมิติใหม่ในการใช้วัคซีนเข็ม 3 ให้กับประชาชน โดยจังหวัดภูเก็ตจะนำร่องในการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา แบบใต้ผิวหนังให้กับชาวภูเก็ตจำนวน 200,000 คนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม ชนิดซิโนแวคไปก่อนหน้านี้


การกลับไปสู่วิถีชีวิตปกติความจำเป็นของการได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 น่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และในภาวะที่วัคซีนมีจำนวนจำกัด การใช้เทคนิคการฉีดแบบใต้ผิวหนังจะใช้วัคซีนที่น้อยกว่า ทำให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก และน่าจะเป็นวิธีการสำคัญในการแก้ปัญหาวัคซีนขาดแคลนของมนุษยชาติที่จะรับมือกับโควิด 19 โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดเชื้อสายพันธุ์เดลตา" แพทย์หญิง วิทิตา กล่าว


ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการฯสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีฉีดวัคซีนใต้ผิวหนังว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนวัคซีนที่มากเพียงพอ อีกทั้งการฉีดใต้ผิวหนังมีความเสี่ยงให้เกิดผื่นแดง จะสร้างความวิตกกังวลให้ประชาชนอีก จึงไม่เป็นที่ต้องฉีดใต้ผิวหนัง


ซึ่งศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงการที่อนุทินปฏิเสธการฉีดวัคซีนโควิด เข้าชั้นผิวหนัง โดยให้เหตุผลว่ามีวัคซีนมากพอว่า มีสำหรับเข็มที่ 3 หรือไหม



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/FdO5KgnPw9k

คุณอาจสนใจ

Related News