กรณีตำรวจบุกค้นบ้าน ชาวบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ อ้างจับยาเสพติด และ ผู้การฯชัยภูมิ ก็ออกมาแถลงข่าวยืนยันการจับกุมครั้งนี้โปร่งใส และได้เคลียร์กับครอบครัวผู้ต้องหาแล้ว/ล่าสุดเจ้าของบ้านบอกว่ายังไม่ได้เคลียร์กันเลย

แล้วปรากฎว่า เงินสด 32,460 บาท ซึ่งแยกเก็บไว้ 2 ส่วน หายไปก่อนได้คืนมาเพียงส่วนแรก 13,460 บาท อยู่ในกระเป๋าสีเหลือง และ อีก19,000 บาท อยู่ในกระเป๋าสีเทา ยังไม่ได้คืน เหตุเกิดตั้งแต่เดือนมีนาคม2564 แต่คดีไม่มีความคืบหน้า

พลตำรวจตรี ฉลอง สุขจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า การออกปฎิบัติหน้าที่กวาดล้างขบวนค้ายาเสพติดเราทำอยู่ในกรอบของกฎหมายทุกอย่าง ตำรวจชุดจับกุมไม่ได้ขโมยเงินไปแน่นอน เหตุการณ์นี้ทราบว่าเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 เงินที่ตำรวจยึดไปมีเพียง 13,460 บาท ซึ่งมีพยานหลักฐานในการเซ็นรับรองทั้งพ่อและแม่ของของผู้ที่ถูกจับกุม

ส่วนเงินอีกจำนวน 19,000 บาท ตำรวจชุดจับกุมไม่ได้เห็นจำนวนนี้ เมื่อได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุม พนักงานสอบสวน สภ.บำเหน็จณรงค์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ท.ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ซึ่งต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวของเรา พูดคุยกับนายบุญยืน กลิ่นศรีสุข บอกว่า ในวันที่เกิดเหตุรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ตนกำลังนอนที่เปลนอน จู่ๆก็มีตำรวจชุดสืบสวน จำนวนหนึ่ง วิ่งเข้ามาในบ้าน และวิ่งขึ้นไปชั้นสองห้องที่ลูกชายอยู่ ตนรีบวิ่งตามขึ้นไป ด้วยความที่เป็นห่วงความปลอดภัยลูกชาย พบว่าลูกชายกำลังถูกทำร้ายร่างกาย ตนพยามที่จะเข้าไปช่วย แต่ถูกตำรวจผลักออกมาหลังจากนั้นได้สั่งให้ตนและภรรยานั่งลงกับพื้น จับหัวตนกระแทกกับพื้นด้วย

หลังจากนั้น ตำรวจได้แจ้งว่าลูกชายของตนมียาเสพติด และได้จับลูกชายของตนไป และแจ้งข้อหาว่าลูกชาย เป็นผู้ค้ายาเสพติด ได้อายัดเงินจำนวนหนึ่งไปด้วย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนและครอบครัวยังยืนยันคำเดิมว่าลูกชายไม่ได้เป็นผู้ค้ายาเสพติดเหมือนที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาและเงินที่เจ้าหน้าที่ได้อายัดไปเป็นเงินสุจริต และพึ่งขายวัวมาได้

ส่วนที่ ผู้การฯจังหวัดชัยภูมิ ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ ว่าได้เคลียร์กับครอบครัวของตนแล้วนั้น ยืนยันยังไม่มีการเคลียร์กันแต่อย่างใด และพร้อมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

เพราะตนไม่สบายใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บุกจับและค้นบ้าน โดยไม่มีหมายศาลหรือแสดงตัวใดๆ และยังตั้งข้อหาลูกชายว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด ทั้งๆที่ไม่มียาแม้แต่เม็ดเดียว

ส่วนประเด็นได้เงินคืนจากตำรวจนั้น ได้รับเงินคืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนเงิน 13,960 บาท จริง ยังขาดอีกประมาณ 19,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นเงินล่อซื้อ แต่ไม่มีหลักฐานมายืนยัน ซึ่งตนอยากขอขอความเป็นธรรม ให้กับครอบครัวตนด้วย

ด้าน พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว พบว่า..เบื้องต้น ได้จัดทีมจเรตำรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และรีบรายงานผลให้ทราบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งผู้ร้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบว่ามีมูลความจริง ก็ต้องดำเนินการทางวินัยต่อตำรวจที่เกี่ยวข้องต่อไป