นายกฯ โต้ ส.ส.เพื่อไทย หลังโดนแฉกลางสภาฯ แจกเงินหัวละ 5 ล้าน ยันไม่มีถุงขนมแจก

เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ โต้ ส.ส.เพื่อไทย หลังโดนแฉกลางสภาฯ แจกเงินหัวละ 5 ล้าน ยันไม่มีถุงขนมแจก

โดย pattraporn_a

2 ก.ย. 2564

35 views

การอภิปรายวันที่ 3 มีทั้งปัญหาโควิด การปฏิรูปตำรวจ และจัดซื้อเรือดำน้ำ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันกลางสภา ไม่ทำถุงขนม หลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวหามีการแจกเงินในสภา 




(2 ก.ย.) การอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 3  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่มีพฤติกรรมอย่างที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวหา ไม่ได้ทำถุงขนมแจกอย่างแน่นอน


ซึ่งกรณีนี้มีเกิดขึ้นหลังจาก นายวิสาร ได้ตั้งคำถามกลางสภา โดยกล่าวอ้างว่ามีการเรียก ส.ส.เข้าพบเพื่อแจกเงิน 5 ล้านบาท ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ทั้งนายนิโรธ สุนทรเลขา และนายวีระกร คำประกอบ ต้องลุกมาขอให้ นายวิสาร ถอนคำพูด และยืนยันว่าไม่เป็นความจริง


การกล่าวอ้างของ นายวิสาร เป็นประเด็นที่กำลังกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ถึงกระแสการคว่ำนายกรัฐมนตรี ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่หวังใช้ผลการลงมติ เพื่อกดดันให้ปรับคณะรัฐมนตรี จนนายกรัฐมนตรีออกมาปฏิเสธ ว่าไม่ยุบสภา และไม่ปรับ ครม.จึงมีรายงานข่าวว่ามีการแจกกล้วยในวงเงินที่สูงมาก และกำลังมีการกว้านซื้อกลับมาให้ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี


กระแสข่าวนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกตั้งคำถามว่าได้พูดคุยกับ พลเอกประยุทธ์ หรือไม่ ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ได้คุยกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่วนการลงมติจะมีการรวบรวมเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ อยู่ที่นโยบายของหัวหน้าพรรค และอยู่เอกสิทธิ์ของ ส.ส.


ทั้งนี้ ก่อนนายกรัฐมนตรีออกจากรัฐสภา ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวอย่างอารมณ์ดี ยืนยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี พร้อมกับหัวเราะเมื่อถูกถามเรื่องเงิน 5 ล้านบาท แต่ไม่ตอบว่าจะแจ้งความหรือไม่ โดยบอกว่าให้ประธานสภาตรวจสอบรวมถึงกรณีของ ร้อยเอกธรรมนัส ไม่ได้พบกัน และเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร จะดูแล


สำหรับการลงมติในวันที่ 4 กันยายน มีการจับตาเพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ ถูกลงมติไม่ไว้ใจวางใจ ความเป็นนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลง ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ตามมาตรา 158 และ มาตรา 159 จากบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง หากเลือกไม่ได้ก็สามารถเลือกจากคนนอกตามมาตรา 272 ได้ โดยระหว่างนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี สามารถรักษาการณ์ไปจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งไม่มีการกำหนดเวลาได้


ดังนั้น การต่อรองคะแนนเสียงในการลงมติไม่ไว้วางใจ จึงกลายเป็นเกมการเมืองที่มีทั้งหวังผลเพื่อปรับคณะรัฐมนตรี และอาจหวังไกลถึงการเปลี่ยนตัวผู้นำ จึงพยายามความพยามที่จะหาเสียงให้ผ่านการลงมติ ที่ฝ่ายล้มพลเอกประยุทธ์ ต้องหาเสียงเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 40 เสียง ซึ่งเป็นเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะกล้าพอหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News