เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นให้ ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของอดีตผู้กำกับการโจ้ ที่สงสัยว่ามีพฤติกรรมฟอกเงินหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะยื่นคำร้องให้สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบและดำเนินคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าราชการ และความผิดอื่นๆ ที่อาจเข้าข่ายฟอกเงิน ของอดีตผู้กำกับการโจ้ โดยอ้างเหตุผลว่า มข้อเท็จจริงเรื่องบ้านพัก และการครอบครองรถหรู มีราคาสูงหากเทียบกับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ ซึ่ง ปปง.อาจตรวจสอบว่า เข้าข่ายความผิดมูลฐาน ของกฎหมาย ปปง.2542 หรือไม่

หนึ่งในเหตุผลสำคัญของ นายศรีสุวรรณ คือการอ้างว่า หากเป็นบุคคลทั่วไปที่ตกเป็นผู้ต้องหา จะถูกเจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบอย่างละเอียดและรวดเร็ว แต่การที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย กลายเป็นผู้ต้องหาแล้ว จำเป็นต้องมีภาคส่วนอื่น ร่วมกันตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งรวมถึงกรณีการมีชื่อเป็นผู้ชื่อจับรถยนต์ถึง 368 คันของอดีตผู้กำกับการโจ้ มีเบื้องหลังที่มากกว่าการจับตามหน้าที่หรือไม่

วันนี้ (30 ส.ค.)  กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงข้อมูลกรณีรถหรู ลัมโบกินี อเวนทาดอร์ ที่อดีตผู้กำกับการโจ้เคยครอบครอง ซึ่งอยู่ในบัญชีถูกอายัด ฐานหลบเลี่ยงภาษี แต่ตอนนี้รถคันดังกล่าว ถูกถอนอายัด เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ก่อนจะขายเปลี่ยนผู้ครบอครองในเดือนกุมภาพันธ์ โดยย้ำว่าผู้เกี่ยวข้องกับรถคันนี้คือบริษัทที่นำเข้ารถ ทั้ง 8 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในสำนวนที่นำส่งอัยการคดีพิเศษ พร้อมรถของกลาง ต่อมาอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง 7 คน แต่กรมสอบสวนพิเศษทำความแย้งไปแล้วว่าต้องฟ้องทั้ง 8 คน

ส่วนรถคันนี้ที่อดีตผู้กำกับการโจ้ ครอบครองในฐานะผู้ซื้อมือแรกจากโชว์รูมนั้น อัยการคดีพิเศษ เห็นว่าเป็นทรัพย์ที่มิได้มีไว้เพื่อกระทำความผิด และมิได้ร้องขอให้ศาลริบของกลาง พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จึงถอนอายัดให้ผู้ครอบครองเมื่อเดือนมกราคม และกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ก็ถูกขายเปลี่ยนมือ แต่บริษัทที่นำเข้ารถยังถูกดดำเนินคดีฐานทำรัฐเสี่ยหายทางภาษี 31 ล้านบาท