แม่ร่ำไห้ ลูกชายวัย 43 นอนดับปริศนาคาบ้าน หลังฉีดไฟเซอร์

สังคม

แม่ร่ำไห้ ลูกชายวัย 43 นอนดับปริศนาคาบ้าน หลังฉีดไฟเซอร์

โดย thichaphat_d

30 ส.ค. 2564

4 views

ชลบุรี-นางสายหยุด หอมขจร อายุ 68 ปี เผยว่า นายศดิศ หอมขจร อายุ 43 ปี ลูกชาย ได้เสียชีวิตอย่างปริศนา ภายในบ้านใน ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา ของวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังจากไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ในฐานะผู้ที่โรคประจำตัว และน้ำหนักร่างกายเกิน 100 กิโลกรัม พอฉีดเสร็จก็ได้กลับนอนพักที่บ้าน ก่อนเสียชีวิตลง ล่าสุดได้นำศพลูกชาย มาตั้งศพบำเพ็ญกุศลทำพิธีทางศาสนาที่วัดราษฎร์นิยมธรรม ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา


นางสายหยุด หอมขจร อายุ 68 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายตนเอง มีโรคประจำตัวคือไขมัน ความดัน โรคเกาต์ และมีน้ำหนัก 104 กิโลกรัม ซึ่งพอฉีดเสร็จ กลับมาบ้านก็เหมือนจะปกติ แต่แล้วในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ลูกชายได้บอกตนเองว่ามีอาการตึงที่แขนและขา จากนั้นได้เข้ามาเปิดทีวีดูและนอนตะแคงข้างเล่นโทรศัพท์


ผ่านไปไม่นานนัก ตนเองกลับมาสังเกตุอาการอีกครั้ง เห็นลูกชายเริ่มมีอาการปากเบี้ยว มือเท้าเริ่มเขียว จึงเดินเข้าไปเรียก แต่ก็ไม่ตอบสนอง และยังสังเกตุเห็นอีกว่าลูกชายมีปัสสาวะไหลออกมา หลังจากนั้นตนเองได้รีบโทรศัพท์หา 1669 ต่อมาได้มีทีมแพทย์ มาถึงบ้าน และได้ทำการปั้มหัวใจเป็นเวลา 30 นาที แต่ก็ไม่เป็นผล ลูกชายได้เสียชีวิตลงแล้ว


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำร่างลูกชาย ส่งไปชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง ซึ่งทีมแพทย์ได้สันนิฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-18 ชั่วโมง ไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ทางญาติจึงได้นำศพไปชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยต้องรอผลประมาณ 1-2 เดือน แต่ด้วยผลการตรวจเชื้อโควิด เป็นผลลบ ทางโรงพยาบาล จึงส่งมอบศพมาให้ญาติทำพิธีทางศาสนา


ทางแม่เผยว่า ตนติดใจการเสียชีวิตของลูกชายอย่างมาก เพราะถึงแม้ลูกชาย ตนเองจะมีโรคประจำตัว แต่ก่อนหน้านี้ลูกชาย ก็ไม่ได้มีอาการป่วยหรืออาการกำเริบจากโรคประจำตัวแต่อย่างใด พอไปฉีดวัคซีนกลับทำให้ลูกชายต้องเสียชีวิต


ตนดูข่าวคนฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิตมาหลายเคส ไม่คิดว่าวันนี้เหตุการณ์สลดจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของตน ลูกชายเป็นหัวหน้าครอบครัว ช่วยงานบ้านและหาเลี้ยงครอบครัว ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง และอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/ldEt_pfFNLo

คุณอาจสนใจ

Related News