6 องค์กร จี้นายกฯ ยกเลิกข้อกำหนดคุมสื่อ จำกัดเสรีภาพปชช. - แพทย์ด่านหน้า ชี้ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

สังคม

6 องค์กร จี้นายกฯ ยกเลิกข้อกำหนดคุมสื่อ จำกัดเสรีภาพปชช. - แพทย์ด่านหน้า ชี้ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย

โดย panwilai_c

30 ก.ค. 2564

31 views

สาระสำคัญ พรก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29 ห้ามเสนอข่าว อาจทำให้เกิดความหวาดกลัว พร้อมให้ กสทช.เช็คไอพี และ สั่งระงับได้ทันที จากกรณีที่มีการประกาศข้อกำหนดนี้ ภายหลังมีการเผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 29) โดยมีผลเมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา สาระสำคัญตามที่นายกฯลงนามสั่งการในเรื่องนี้ มี 2 ประเด็น คือ


คือ ข้อกำหนด ข้อที่ 1 ห้าม ผู้ใด เสนอข่าว จำหน่าย หรือ ทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือ เจตนา บิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน


และ ข้อกำหนด ข้อที่ ๒ ให้สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แจ้งผู้รับใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ตตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับ การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ทุกรายทราบ และ ให้ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวทุกรายมีหน้าที่ตรวจสอบว่าข้อความหรือข่าวสารดังกล่าวมีที่มาจากเลขที่อยู่ไอพี (IP address) ใด หากเป็นเลขที่อยู่ไอพี (IP address) ที่ตนเป็นผู้ให้บริการ ให้แจ้งรายละเอียดตำมที่ สำนักงาน กสทช. กำหนด ให้สำนักงาน กสทช. ทราบ และ ให้ระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ต แก่เลขที่อยู่ไอพี (IP address) นั้นทันที )


โดยก่อนหน้านี้มีประกาศข้อกำหนด ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามความในมาตรา 9 ซึ่งขยาย คำสั่ง ดังกล่าวออกไป จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น มีข้อกำหนดเรื่องสื่อ คือ ข้อที่ 6 ดังนี้


ข้อ 6 การเสนอข่าว ห้าม การเสนอข่าวหรือทำให้แพร่หลำยทำงสื่อต่าง ๆ ซึ่งมีข้อควำม หรือข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ (โควิด-19) อันไม่เป็นความจริง และ อาจทำ ให้ ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือ เจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารดังกล่าวอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อกำรดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในกรณีเช่นนี้ ให้เจ้าหน้าที่เตือนให้ระงับ หรือ สั่งให้แก้ไขข่าว หรือหากเป็นกรณีที่มีผลกระทบรุนแรง ให้ดำเนินคดีตำมพระราชบัญญัติว่าด้วยกำรกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ หรือ พระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘


พรรคก้าวไกล ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ระบุเป็นการปิดกั้นการทำหน้าที่ของสื่อและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรค แถลงท่าทีของพรรคก้าวไกลต่อกรณีที่นายกฯออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 29 โดยมองว่าเป็นการจำกัดการเสนอข่าวสารของสื่อ และปิดกั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน


และการกำหนดให้ กสทช. สามารถระงับอินเตอร์เน็ตแก่ผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม. 36 ที่ระบุว่าบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารกัน / การตรวจ กัก หรือเปิดเผยข้อมูลที่บุคคลสื่อสารกัน รวมถึงการกระทำเพื่อให้ล่วงรู้หรือได้มาซึ่งข้อมูลที่บุคคลสื่อสารกัน จะกระทำไม่ได้


จึงขอเรียกร้องให้นายกฯยกเลิกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ทันที และให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย เนื่องจากที่ผ่านมานายกฯใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อปราบปรามการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนเป็นหลัก แต่เรื่องที่เกี่ยวกับการแก้ระบาดของโควิด ยังติดระบบระเบียบราชการเหมือนเดิม สับสนวุ่นวายไปหมด


ขณะที่นายวิโรจน์ ระบุว่า ที่ผ่านมานายกฯสื่อสารผิดพลาดกับประชาชนโดยตลอด เช่น ที่พูดว่าการไม่เข้าร่วมกับ Covax เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ข้อกำหนดฉบับที่ 29 ที่ระบุว่า การสื่อสารที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัวเป็นความผิดอาญา ขอตั้งคำถามกลับว่า การบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ผ่านมาของรัฐบาล ไม่มีความผิดหรืออย่างไร และการสื่อสารที่ทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกกังวล รู้สึกหมดอะไรตายอยาก รู้สึกว่าถูกซ้ำเติม ไม่มีความผิดหรือรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ หรืออย่างไร


ด้านบุคลากรการแพทย์ อย่าง นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงประเด็นเฟกนิวส์ว่า


"การพูดความจริง การพูดสิ่งที่เป็นวิทยาศาสตร์ และการออกมาเพื่อ ignite สังคม ถ้าถูกมองว่าเป็น fake news และการทำให้สังคมตื่นตระหนก ???? ผมคิดว่าการที่เราเลือกที่จะไม่พูดความจริง และพยายามทำให้ปัญหานั้นมันเบาบางกว่าความเป็นจริงต่างหากที่มันเป็นปัญหา และสังคมเองก็สามารถตัดสินได้ว่า อย่างไหนกันแน่ที่สังคมจะตื่นตระหนกและหวาดผวา


การพูดความจริงที่ไม่ถูกหูกับพูดสิ่งที่ถูกหูแต่ไม่จริง ไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่ที่เป็น fake news


BTW: ขอขอบคุณสื่อทุกๆท่านที่มีความเป็นมืออาชีพ ความเป็น professionalism และทำตาม integrity อย่างเต็มที่ที่สุด และขอเป็นกำลังใจให้กับสื่อน้ำดีด้วยครับ ในตอนนี้ วิกฤติขนาดนี้ เรามีศัตรูที่ชื่อว่า COVID19 ที่คร่าชีวิตคนรายวัน แค่นี้ก็หนักพอแล้ว อย่าได้ทะเลาะกันเองอีกเลย โปรดช่วยเหลือพวกเราเหล่าประชาชนด้วยครับ วิทยาศาสตร์และความจริงไม่เคยหลอกใคร เป็นสัจนิรันทร์เสมอ"


สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/lxeQiLudW2U

คุณอาจสนใจ

Related News