กว่า 10 ชีวิตติดโควิดยังหาเตียงไม่ได้ พ่อวัย 71 กินยาฟาวิพิราเวียร์ไม่เป็นผล สุดท้ายเสียชีวิต

สังคม

กว่า 10 ชีวิตติดโควิดยังหาเตียงไม่ได้ พ่อวัย 71 กินยาฟาวิพิราเวียร์ไม่เป็นผล สุดท้ายเสียชีวิต

โดย thichaphat_d

30 ก.ค. 2564

95 views

วานนี้ (29 ก.ค.) ทีมข่าวได้รับแจ้งจากคุณบี อายุ 35 ปี ว่าพ่อของตนอายุ 71 ปี ป่วยติดโควิดเสียชีวิตในบ้านพัก ซอยเจริญรัถ 1 ย่านคลองสาน กรุงเทพฯ เมื่อตี 3 ของวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหลังตรวจพบว่าพ่อติดเชื้อ คนในบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 8 คน ก็ได้ไปตรวจหาเชื้อ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ผลเป็นบวก 6 คน ประกอบด้วยตนเอง ,แม่ อายุ 63 ปี, น้า ,พี่ชาย อายุ 37 ปี ,หลานอีก 2 คน อายุ 14 กับ 17 / อีก 2 คน เป็นเด็ก 5 ขวบ กับ 6 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของตนที่ไม่ติดเชื้อ


นอกจากนี้บ้านญาติซึ่งอยู่ติดกับบ้านหลังของตนอาศัยอยู่ด้วยกัน 8 คน ติดเชื้อโควิดทุกคน โดยคุณบี เล่าว่า ก่อนหน้านี้คุณพ่อจะเทียวไปเทียวมา ระหว่างบ้าน 2 หลังนี้เพราะอยู่ติดกัน ทำกับข้าวกินร่วมและนั่งเล่นด้วยกัน ตนไม่รู้ว่าใครรับเชื้อมาก่อน คุณพ่อเป็นคนแรกที่มีอาการป่วย


คุณบี เล่าว่า วันจันทร์ ที่ 19 ก.ค.ตนเองมีอาการเป็นไข้หนาวสั่น สอบถามคุณแม่ก็บอกว่าเริ่มป่วยเป็นไข้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 ก.ค. แต่ไม่ได้บอกให้ใครทราบ หลานสาวคนเล็กก็เริ่มมีไข้ ตนสงสัยว่าอาจได้รับเชื้อโควิดหรือไม่ ทุกคนในบ้านของตนและบ้านญาติที่อยู่ข้าง ๆ จึงพากันไปตรวจเชิงรุกในวันพฤหัสบดี ที่ 22 ก.ค. ก่อนจะทราบผลวันที่ 25 ก.ค.ติดเชื้อโควิดรวมบ้านทั้งสองหลัง 14 คน


คุณบี เล่าต่อว่า ตลาดใกล้บ้านเป็นแหล่งคลัสเตอร์ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ซึ่งคุณพ่อมักเดินผ่านตลาดแห่งนี้เป็นประจำ เพื่อไปซื้อขนมจีน มาทราบภายหลังว่าแม่ค้าขายขนมจีนติดโควิด ต่อมาวันเสาร์ ที่ 17 ก.ค.คุณพ่อ เริ่มมีอาการเป็นไข้ ไม่ค่อยทานอาหาร ไม่มีแรง มาขอยาพาราฯ กับตน จึงสงสัยทำไมพ่อถึงมาขอยากิน


วันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. คุณพ่อ บอกอยากไปตรวจหาเชื้อโควิด พี่ชายจึงพาคุณพ่อไปตรวจที่แล็บเอกชน ในวันจันทร์ ที่19 ก.ค. โดยทราบบผลตรวจเย็นวันพุธ ที่ 21 ก.ค.ผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด จากนั้นตนจึงพยายามประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอเตียงจนถึงวันพฤหัสบดี ที่ 22 ก.ค.


ช่วงเย็นวันที่ 22 ก.ค.คุณพ่อเริ่มทานอาหารได้น้อย ตนถามพ่อว่า “อยากกินอะไรยังหายใจสะดวกมั้ย อาการเป็นยังไงบ้าง” คุณพ่อตอบว่า “ยังไหว” และยังวิดีโอคอลอคุยกับญาติ ๆ ต่างจังหวัดได้ จากนั้น 5 ทุ่ม ของวันเดียวกัน ตนถามพ่อว่า “ยังหายใจสะดวกมั้ย” พ่อตอบว่า “หายใจไม่ออก” ซึ่งคุณพ่อเริ่มพูดไม่ไหวแล้ว หายใจเหนื่อย


ตนกับพี่ชายจึงพยายามเร่งประสานหาเตียง ออกซิเจน คนที่มีออกซิเจนเขาก็นำมาส่งให้ไม่ได้เพราะติดเคอร์ฟิว ถึงติดต่อเพจต่าง ๆ เขาแนะนำให้คุณพ่อนอนตะแคง ปฐมพยาบาลเบื้องต้น คุณพ่อพูดว่า “หายใจไม่ค่อยสะดวกแต่พออยู่ได้” จึงนั่งนับจังหวะให้คุณพ่อค่อย ๆ หายใจเข้าออก คุณพ่อบอก “เหนื่อยอยากปัสสาวะ” ตนพยุงตัวพ่อลุกขึ้นเพราะพ่อไม่มีแรง เซทิ้งตัวตลอดเวลา


โทรไปที่ศูนย์เอราวัณ โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าได้ขอยาฟาวิพิราเวียร์ จากสาธารณสุขมาแล้ว พี่เขาบอกว่าให้เริ่มกินตอน8 โมงได้เลย เว้น 12 ชั่วโมงกินอีกที ตนจึงปรึกษาเจ้าหน้าที่พยาบาลศูนย์เอราวัณ ว่าอาการคุณพ่อ เริ่มแย่ “สามารถทานยาฟาวิพิราเวียร์ ได้เลยมั้ย” เจ้าหน้าที่พยาบาลบอกว่า “สามารถทานได้เลยรออะไรล่ะ”


ตี 1 ครึ่ง วันที่ 23 ก.ค. คุณพ่อได้ทานยาฟาวิพิราเวียร์ 9 เม็ด จากนั้นประมาณตี 3 คุณพ่อหายใจไม่ออก มือเขียวตัวเย็นเกร็งไปหมด ก่อนจะเสียชีวิตตอนตี 3 ครึ่ง ซึ่งศูนย์เอราวัณได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตอนตี 4 แต่ไม่ทันคุณพ่อสิ้นใจจากไปแล้ว ตนเองสอบถามเจ้าหน้าที่พยาบาลว่าทำไมคุณพ่อถึงเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ระบุว่าอาจเป็นเพราะตัวยาแรงมากร่างกายคุณพ่อรับไม่ไหว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้ 10 กว่าชีวิต ยังปิดประตูกักตัวต้องรวมกันอยู่ในบ้านพักรอรับการช่วยเหลือ ผู้ป่วยไม่มีใครกล้าทานยาฟาวิพิราเวียร์ เพราะกลัวเป็นเหมือนคุณพ่อ คาดว่าคุณพ่ออาจช็อกเพราะกินยาฟาวิพิราเวียร์หรือไม่ เนื่องจากไม่ได้ประเมินอาการและไม่ได้รับการตรวจจากแพทย์เชี่ยวชาญก่อน วันที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขนำยาฟาวิพิราเวียร์ มาให้ ก็ไม่ได้เข้ามาดูอาการ โดยนำไปฝากไว้หน้าปากซอยแล้วให้พี่ชายซึ่งติดเชื้อโควิดเดินออกไปเอา


ญาติของผู้ป่วย กล่าวว่า ได้ขอความช่วยเหลือหลายที่ เเต่ได้รับคำตอบเพียงว่า “รอก่อน” แม้กระทั้งหาถังออกซิเจนก็ต้องหาเอง มีคนป่วยโควิดเสียชีวิตคาบ้าน มีคนติดโควิดต่ออีกเกือบ 20 คน ทำไมทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงยังไม่ลงพื้นที่มาตรวจเช็ค สอบถามใด ๆ ไม่มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อใด ๆ (นอกจากบ้านหลังที่ผู้ป่วยนอนเสียชีวิต) ทำให้คนที่อาศัยใกล้เคียงบริเวณนั้นกังวลเรื่องความปลอดภัย


ล่าสุดลุงชิต อายุ 61 ปี สมาชิกในบ้านที่ป่วยโควิด มีอาการไม่ค่อยดีนัก อาการทรุด อ่อนเเรง อ่อนเพลีย หายใจไม่ออก ค่าออกซิเจนต่ำลงมากเหลือ72-76 ทางบ้านติดต่อหลายหน่วยงานเพื่อขอรับการช่วยเหลือฉุกเฉิน เเต่ละหน่วยฯก็รับเรื่องไว้บอกจะติดต่อกลับ ให้รอ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจุดจบของการรอนั้นจะทำให้เราสูญเสียคนที่เรารักเพิ่มขึ้นอีกกี่ราย

คุณอาจสนใจ

Related News