ด่านหน้ายื่นหนังสือสถานทูตสหรัฐฯ ตรวจสอบจัดสรร 'ไฟเซอร์' สธ.ยันให้สิทธิแพทย์-พยาบาลก่อน

สังคม

ด่านหน้ายื่นหนังสือสถานทูตสหรัฐฯ ตรวจสอบจัดสรร 'ไฟเซอร์' สธ.ยันให้สิทธิแพทย์-พยาบาลก่อน

โดย thichaphat_d

28 ก.ค. 2564

61 views

กลุ่มตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ยื่นหนังสือถึงตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในการแสดงท่าทีของกลุ่ม เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีน ไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโดส ที่ทางสหรัฐฯอเมริกาบริจาคมา


โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก มีใจความว่า ปัจจุบันมีบุคลากรด่านหน้า ประมาณ 800 คนที่ติดเชื้อ โควิด-19 ทั้งที่หลายคนได้รับการจัดสรรวัคซีนครบทั้งสองชุดแล้ว ทั้งนี้ขอบคุณทางสหรัฐอเมริกา ที่บริจาควัคซีน แต่ทางกลุ่มไม่มั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะสามารถจัดสรรให้ได้ตามกลุ่มเป้าหมายที่ทางสหรัฐอเมริกาได้คำนึงไว้ โดยเฉพาะการนำไปฉีดเป็นบูสเตอร์ โดส ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่จะได้รับจำนวน 700,000 คน จากนั้นจึงให้กลุ่มเสี่ยง


แต่ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขกลับระบุว่า จะมีบุคลากรที่ได้รับวัคซีนส่วนนี้เพียง 500,000 โดส และมีบุคลากรบางส่วนถูกโน้มน้าวให้ฉีด วัคซีน viral vector เป็นบูสเตอร์โดสแทน เนื่องจาก mRNA ยังไม่ถูกจัดสรรมา ทำให้ทางกลุ่มมีความกังวลใจความคุมเครือและไม่แน่นอนในการจัดสรรวัคซีน


โดยทางตัวแทน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ได้รับจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวไว้พิจารณาตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์


นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร แพทย์ และตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ เปิดเผยว่า วันนี้มายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงสถานทูตเพื่อกล่าวถึงความกังวลต่อสถานเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ต่อท่าทีของรัฐบาลไทยในการจัดสรรวัคซีนที่ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ ส่วนตัวเข้าใจว่าสถานการณ์ โควิด-19 รุนแรงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา มีจำนวนบุคลากรที่ได้รับแอสตราเซเนกาเป็นบูสเตอร์ โดสไปบ้างแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่เห็นคือเอกสารที่เป็นทางการ หรือตัวเลขที่มีความชัดเจน อยากให้มีความชัดเจน เพื่อไม่ให้มีแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์หรือดันหน้าตกหล่น


ขณะที่นางสาว ปาณิสรา ปานมุนี ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวในฐานะตัวแทนบุคลากรด่านหน้า ยอมรับว่าเนื้องานต้องเผชิญกับความเสี่ยง ซึ่งเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่สิ่งสำคัญที่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงให้กับบุคลากร ที่จะปกป้องชีวิตจากอันตรายต่างๆ และไม่ได้รับการรับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับมือกับสายพันธุ์ใหม่


นอกจากนี้ ยังมีการตกค้างเรื่องค่าตอบแทนเสี่ยงภัย รวมถึงอุปกรณ์การป้องกัน บางแห่งแพทย์พยาบาลต้องจัดซื้ออุปกรณ์ในการป้องกันเอง ซึ่งเปรียบเสมือนว่ารัฐบาลกำลังส่งบุคลากรด่านหน้าไปตาย เพราะไม่สามารถปกป้องชีวิตตัวเองได้เลย ดังนั้น จะจับตาท่าทีการจัดการวัคซีนของภาครัฐต่อ หากยังพบความไม่โปร่งใสก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไป ปัจจุบันได้จัดทำไทยแลนด์แพคซีนวอท หากพบความน่าสงสัยหรือกระจายวัคซีนที่ไม่โปร่งใสก็ขอให้ติดต่อมาเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาในการจับตาดู


ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กรณีวัคซีนโควิดไฟเซอร์ กล่าวว่า เป้าหมายที่สำคัญคือ การฉีดเป็นเข็มบูสเตอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เฉพาะกลุ่มที่เป็นแพทย์ พยาบาลด่านหน้าในการรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 ก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยให้คนทำงานที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อในทุกวัน แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ซึ่งคาดว่ามีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็มีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ส่วนหนึ่งสมัครใจรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นบูสเตอร์โดสไปแล้ว


ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ตามกำหนดการ จะขนส่งออกจากสหรัฐอเมริกา วันที่ 29 ก.ค. คาดว่าจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันถัดไป โดยรักษาอุณหภูมิที่ -70 องศาตลอดการเดินทาง เมื่อมาถึงจะต้องรีบนำเข้าคลังที่มีอุณหภูมิตามกำหนดได้มาตรฐาน เพื่อรอการกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ เบื้องต้น มีการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนล็อตดังกล่าวมาแล้ว เมื่อมาถึงก็สามารถตรวจสอบเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วนก่อนการกระจายลงพื้นที่

คุณอาจสนใจ

Related News