(27 ก.ค.) สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ที่ยังคงมีปัญหาเรื่องเตียง ที่รัฐบาลยังแก้ไม่ได้ เนื่องจากผู้ป่วยรายใหม่ ยังสูงทุกวัน ขณะที่ ครม.เห็นชอบให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังไม่มีอาการ รวมทั้งเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าเทอมสำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงช่วยเหลือผู้ปกครอง

ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน พบว่าขณะนี้ ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 46 ของโลก ยอดติดเชื้อรายใหม่วันนี้อยู่ที่ 14,150 คน มาจากระบบเฝ้าระวัง 10,407 คน ตรวจเชิงรุก 3,459 คน เรือนจำ 245 คน มาจากต่างประเทศ 39 คน

ยอดผู้เสียชีวิต วันนี้ 118 คน มากที่สุดยังอยู่ที่กรุงเทพ 40 คน ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมขณะนี้ อยู่ที่ 4,264 คน

มีผู้ป่วยรักษาอยู่ 171,921 คน ในจำนวนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล 69,567 คน โรงพยาบาสนาม 102,354 คน อาการหนัก 4,284 คน ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 954 คน

ทางด้าน ที่ประชุม ครม.ให้ความเห็นชอบมาตรการ ช่วยเหลือค่าเทอม สำหรับนักเรียน นักศึกษา ทั้งในโรงเรียนและในมหาวิทยาลัย รวมไปถึงช่วยเหลือผู้ปกครองด้วย

สำหรับการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียน จะครอบคลุมทั้งโรงเรียนของรัฐและเอกชน มี 3 มาตรการ ประกอบด้วย

1. ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองนักเรียน คนละ 2,000 บาท ต่อนักเรียน 1คน ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 10.8 ล้านคน

2. จัดสรรค่าใช้จ่ายค่าอุปกรณ์การเรียน สื่อการเรียนการสอนต่างๆ ช่วยให้กับสถานศึกษา

3. ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายในโรงเรียนเอกชน ให้เท่ากับปี 2563

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจร รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังไม่มีอาการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ซึ่งที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้ใช้ยาฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่มีศักยภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์และลดการแบ่งตัวของไวรัส ใช้รักษาผู้ต้องขังอาการไม่รุนแรง จำนวน 1.18 หมื่นคน พบว่าได้ผลดีสามารถรักษาผู้ต้องขังหายแล้ว ร้อยละ 99.02

ซึ่งจะต้องชี้แจงแนวทางให้ชัดเจน เช่น แนวทางการรักษา ปริมาณยาที่เหมาะสม โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาหาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้มีการกักตุน และต้องควบคุมราคาให้มีความเหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน

ส่วนบรรยากาศการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ วันนี้ ประชาชนยังไปต่อแถวรอคิวอย่างแออัด จนเกรงว่า จะเสี่ยงต่อการระบาด หลังจากมีข่าวตั้งแต่เมื่อวานว่า อาจมีคำสั่งปิดศูนย์ฉีดวัคซีนแห่งนี้ แต่วันนี้ได้รับการยืนยันจากหลายส่วนว่า ไม่ปิดแน่นอน เพียงแต่จะไม่ใช้การวอล์คอิน ผู้ที่มาฉีดจะต้องลงทะเบียน โดยเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค.นี้

ส่วนเรื่องการกระจายวัควีน วันนี้ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึง นาย ไมเคิล ฮีธ อุปฑูตรักษาการแทนเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อให้ทราบถึงความกังวลใจที่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มีต่อการจัดสรรวัคซีน mRNA ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯมา 1.54 ล้านโดส

นายแพทย์ ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มมีความกังวลใจต่อท่าทีของรัฐบาลไทยในการจัดสรรวัคซีน ที่ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ และเกรงว่าวัคซีนดังกล่าวจะถูกจัดสรรให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าเผชิญโรค