ปัญหาการห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านค้าตามมาตรการของรัฐที่ประกาศใช้ต่อเนื่องตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่านมาทำให้ปัจจุบันมีร้านอาหารรายย่อยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต้องปิดตัวลงไปมากกว่า 5,000 ร้าน

ซึ่งปัญหานี้ทำให้ภาคส่วนต่างๆ ได้รวมตัวกันจัดโครงการศูนย์รวมปันสุข รับซื้ออาหารจากร้านค้ารายย่อยเพื่อไปมอบให้ชุมชนโดยมีแผนกระจายรายได้อย่างทั่วถึง เพื่อเป็นการเยียวยาอีกทางหนึ่งให้ทั้งร้านอาหารและชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน

โดย แม่ครัวร้านเกี๋ยวเตี๋ยวเรืออยุธยา อุดมสุข 44 บรรจงปรุงผัดกระเพราเป็ดจานนี้อย่างสุดฝีมือ เตรียมบรรจุกล่อง พร้อมกับเมนูข้าวหน้าเป็ด เพื่อรอเจ้าหน้าที่จากศูนย์รวมปันสุขมารับไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน เจ้าของร้านยอมรับว่าจากมาตรการภาครัฐที่สั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารภายในร้านเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีครึ่ง ครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้ง จากเดิมที่เคยขายได้กว่า 100 จานต่อวันหายไปกว่า 50% และ เหลือเพียง 20% จากมาตรการในครั้งนี้ ซึ่งเธอยังคงต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าน้ำค่าไฟของร้าน รวมทั้งลูกจ้างที่เหลือเพียง 3 จาก 6 คน

โครงการศูนย์รวมปันสุขจึงได้เปิดรับร้านอาหารรายย่อยเข้ามาเป็นเครือข่าย สู่การเป็นครัวผลิตอาหารให้กับชุมชน โดยพิจารณาเกณฑ์ความสะอาด ถูกหลักอนามัย เพื่อให้ร้านค้ารายย่อยเกิดรายได้ ซึ่งจะผลัดเปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ ร้านละ 3 วัน วันละ 100 กล่อง

เมื่ออาหารเสร็จเรียบร้อยตามเวลานัดหมายก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามารับไปส่งยังชุมชน ซึ่งชุมชนที่เข้าโครงการก็จะผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นรายสัปดาห์ เช่น วันนี้ก็มาที่ชุมชนแย้มสรวลย่านสุขุมวิท ที่นี่เป็นชุมชนแออัดกว่า 170 หลังคาเรือน ที่มีประชากรถึง 1,100 คน โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 50 คนแล้วในขณะนี้ หลายคนจึงไม่สามารถออกนอกบ้านด้านเนื่องจากต้องกักตัว อาหารที่จัดส่งมาจึงมีประโยชน์กับพวกเขาเพื่อต่อชีวิตในแต่ละวัน

ตัวแทนโครงการ ระบุว่า โครงการศูนย์รวมปันสุขเป็นการรวมกลุ่มของภาคเอกชนที่สนับสนุนร้านค้ารายย่อยกับชุมชน เนื่องจากที่ผ่านมามีร้านอาหารที่ต้องปิดตัวไปแล้วกว่า 5 พันแห่งจากผลกระทบโควิด-19 โครงการนี้ตั้งเป้าช่วยร้านรายย่อยจำนวน 2,000 ร้าน และ โดยจัดข้าวกล่อง 2000 กล่องกระจายไปยังชุมชนทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลให้ได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 เดือน

ร้านอาหารขนาดเล็ก และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อน สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการได้ผ่านหมายเลข 02-018-6199