เด็กเอนฯ แฉยับ! หัวหน้าสำนักปลัดฯ จากพะเยา เบี้ยวค่าจ้างเรียกปาร์ตี้ฝ่าล็อกดาวน์

สังคม

เด็กเอนฯ แฉยับ! หัวหน้าสำนักปลัดฯ จากพะเยา เบี้ยวค่าจ้างเรียกปาร์ตี้ฝ่าล็อกดาวน์

โดย nicharee_m

21 ก.ค. 2564

513 views

เด็กเอนฯ โพสต์แฉปลัดเทศบาลจากพะเยา ฝ่าล็อกดาวน์จ้างไปเอนเตอร์ที่รีสอร์ต ในจังหวัดนครปฐม กลับถูกชายอ้างเป็นตำรวจบังคับให้ขายบริการ แถมยังเบี้ยวค่าจ้างกว่าหมื่นบาท บล็อกไลน์หนี


เฟซบุ๊กชื่อ "Panadda Gift" โพสต์ภาพของปลัดเทศบาล คนหนึ่งในจังหวัดพะเยา พร้อมกับหลักฐานการแชตพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ทวงเงินค่าจ้าง แต่ถูกปลัดคนดังกล่าวบล็อคไลน์หนี พร้อมข้อความ "นี่นะคะ จ้างพวกหนูไปชง ค่าชงรอบแรกจ่ายแล้ว แต่ค่าต่อเวลาคิดเป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 300 ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงตี 4 โกงค่ะ ไม่โอน ไม่จ่าย นี่ผ่านมา 2 วัน เงียบหาย แถมบล็อกไลน์ด้วย ติดต่อใครก็ไม่ได้ แชร์ไปไห้ถึงหูเขาหน่อยนะคะ ตังค์ไม่ใช่น้อยๆ ผิดเองที่ไม่เก็บก่อน คิดว่าเป็นคนโตจะไม่ทำสันดานแบบนี้ โพสต์ไว้ให้รู้ จะได้ไม่มีคนพลาดไป


#แถมตำรวจที่ติดตามมาบังคับน้องเราวี น้องไม่วีชักปืนขู่ #รวยแต่ทำแบบนี้ #ออกมาคุยค่ะ ทางพวกหนูเดือดร้อน ทำงานเหนื่อย เห็นใจกันหน่อยค่ะ #ปลัดอำเภอจังหวัดพะเยา ฝากแชร์ให้ถึงหูท่านเขาหน่อยค่ะ ออกมาคุยออกมารับผิดชอบที


โดยน้องกิ๊ฟ เจ้าของโพสต์ เล่าว่า มีคนติดต่อให้ตนเองและเพื่อนรวม 4 คน ไปเอนเตอร์เทน ทีมของปลัดเทศบาลในจังหวัดพะเยาที่บ้านหลังหนึ่ง ตกลงค่าแรงกันไว้ 600 บาทต่อคน ตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม เมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคม ค่าจ้างส่วนนี้ได้รับแล้ว แต่พอหมดเวลาปลัดฯ และพวกขอต่อเวลา โดยตกลงราคากันที่ชั่วโมงละ 300 บาท และให้เดินทางไปยังรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม


เมื่อไปถึง เพื่อนของปลัดอ้างว่าเป็นตำรวจ บังคับให้เพื่อนขายบริการ และพยายามโอบกอด จะพาไปหลับนอนให้ได้ แต่น้องคนนั้นไม่ยอม เพราะพวกตนไม่ได้ขายบริการ รับแต่งานเอนเตอร์เทนเท่านั้น ทำให้คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจไม่พอใจ ล็อคคอน้องผู้หญิง จนร้องขึ้นว่า..พี่หนูเจ็บ หนูหายใจไม่ออก..ชายคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจจึงชักปืนออกมาจ่อ พร้อมบอกว่า "เดี๋ยวยิงแม่..10 นัดรัวๆ เลย เล่นตัวเยอะมาก" น้องตกใจกลัวและร้องไห้ เพื่อนๆ ต้องเข้ามาช่วยกันออกจากชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจ


จากนั้นตนเองได้พยายามขอค่าแรงที่ต่อเวลา ค่าตัว 4 คน คนละ 2,400 บาท ค่ารถ 500 บาท รวมเป็นเงิน จำนวน 10,100 บาท (1 พัน 1 ร้อยบาท) แต่ปลัดอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอ ต้องรอช่วงเที่ยงอีกวันถึงโอนให้ พวกตนกลัวคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ จึงพากันออกมาจากรีสอร์ต และนั่งรอเวลาจนถึงตีสี่ เพื่อหารถกลับบ้าน ระหว่างรอก็ยังส่งข้อความทางไลน์ไปทวงเงิน 10,100 บาท แต่ปลัดกลับตอบมาแค่ "ครับ" และสติ๊กเกอร์ภาพมาให้ว่า หลับแล้ว ดูจากข้อความ เป็นเวลาประมาณตี 2 จากนั้นก็บล็อคไลน์หนี ติดต่อไม่ได้อีก


ผู้สื่อข่าวสอบถามไปที่ปลัดเทศบาลที่ถูกกล่าวหา เจ้าตัวตกใจมากและบอกว่า ตนไปจังหวัดนครปฐมเพื่อทำธุระเรื่องธุรกิจส่วนตัวกับเพื่อนอีกหลายคน และจ้างน้องๆ มาดูแล โดยนั่งดื่มแบบเว้นระยะห่าง แต่หลังจาก 2 ทุ่ม ตนเริ่มเมา จึงให้น้องๆ ไปนอนพัก เพราะ ศบค.ประกาศล็อคดาวน์ จึงยังออกไปไหนไม่ได้ ซึ่งตนก็คิดว่าน้องๆ น่าจะนอนพักที่รีสอร์ตดังกล่าวแล้วเช้าค่อยเรียกรถกลับบ้าน ซึ่งน้องๆ ทำงานไม่ครบชั่วโมง จึงยังไม่ได้จ่ายเงิน และยอมรับว่าบล็อคไลน์น้องกิ๊ฟจริง แต่หลังจากนี้จะปลดบล็อค และรีบโอนเงินให้ รวมทั้งยืนยันว่า ไม่มีการบังคับให้ขายบริการ รวมทั้งหลังจากกลับจากนครปฐม ก็กักตัวตามข้อกำหนด 14 วัน แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ากักตัวที่ไหน


นายอดุลย์ พรหมวาทย์ นายอำเภอจุน จังหวัดพะเยา เผยว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่ถูกกล่าวหาคือ หัวหน้าสำนักงานปลัดเทศบาลตำบลเวียงลอ ซึ่งได้สั่งการให้ท้องถิ่นรายงานข้อเท็จจริงมาที่ตนโดยด่วน ส่วนเรื่องที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการฝ่าฝืนคำสั่งล็อกดาวน์เดินทางออกนอกพื้นที่นั้น เห็นว่า เป็นการไปทำธุระส่วนตัวในวันเสาร์อาทิตย์ ต้องขอพิจารณาก่อนว่า ทำผิดกฎหมายหรือไม่


ล่าสุด นายโชคดี อมรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา บอกว่า ได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปยัง ปลัดกระทรวงมหาดไทยรับทราบแล้ว โดยบุคคลที่ถูกอ้างถึงนั้น เป็น หัวหน้าสำนักงานปลัดเทศบาล ต.เวียงลอ อำเภอจุน ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า หัวหน้าสำนักปลัดคนดังกล่าว เดินทางไปในช่วงที่ลาราชการ ส่วนจะเข้าข่ายความผิดอย่างไรบ้างนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วที่สุด หรือ ไม่เกิน 2 สัปดาห์


สำหรับขั้นตอนขณะนี้ เป็นอำนาจของ นายกเทศบาลตำบลเวียงลอ ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดพะเยา ได้มอบหมายให้นายอำเภอจุล ติดตามกำกับดูแล ซึ่งมีรายงานเบื้องต้น ว่าจะมีความผิด ทั้ง สร้างความเสื่อมเสียให้กับส่วนราชการ และ อีกส่วน คือ กรณีขัดคำสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึง พ.ร.บ.ควบคุมโรค เนื่องจากมีการเดินทางข้ามมายังพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ส่วนบทลงโทษ จะมีความผิดวินัยร้ายแรง หรือ ไม่ร้ายแรง ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณา

คุณอาจสนใจ

Related News