เคลียร์ชัด! มาตรการล็อกดาวน์ 13 จ.สีแดงเข้ม อะไรทำได้-ไม่ได้ จะไปนอกพื้นที่ต้องทำอย่างไร?

สังคม

เคลียร์ชัด! มาตรการล็อกดาวน์ 13 จ.สีแดงเข้ม อะไรทำได้-ไม่ได้ จะไปนอกพื้นที่ต้องทำอย่างไร?

โดย thichaphat_d

20 ก.ค. 2564

1.3K views

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวถึง ข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 ของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ซึ่งประกาศไปวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะมีการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็นจาก 10 เป็น 13 จังหวัด โดยเพิ่มจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 24 เป็น 53 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 25 เป็น 10 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 เป็น 1 จังหวัด คือภูเก็ต


ทั้งนี้สาระของฉบับที่ 28 คือต้องการให้มีการดูแลพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด โดยในพื้นที่ของภาคกลางที่ประชุมศปก.ศบค. ให้งดภารกิจที่จะต้องเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก โดยไม่จำเป็น โดยในช่วงกลางวันขอให้งดการเดินทางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


โดยผอ.ศบค. ระบุว่า ขอให้เป็นการล็อกดาวน์ของพื้นที่ที่มีความเข้มงวดสูงสุด ในส่วนที่อนุญาตได้ เว้นไว้ คือการเดินทาง เพื่อการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาหาร ยา เวชภัณฑ์ พบแพทย์ เข้ารับบริการทางสาธารณสุข การรักษาพยาบาล การรับซีนป้องกันโรคหรือมีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติงานหรือประกอบอาชีพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือเวิร์คฟอร์มโฮมได้


นอกจากนี้ทางฝ่ายความมั่นคงได้มีการพูดคุยกันว่า จะมีการตั้งด่าน “คนที่อยู่พื้นที่สีแดงเข้มหากจะออกข้างนอกจะได้รับความไม่สะดวกมากมาย” เพราะจะมีการตั้งด่านรอบขอบนอกของพื้นที่ 6+ 3 จังหวัดอย่างเข้มข้นโดยจะมีชุดตรวจเข้มแข็งกระจายอยู่ในขอบของ 9 จังหวัด ที่จะมีด่านตรวจทั้งเข้าและออก


ทั้งนี้ระหว่างสมุทรปราการออกไปทางภาคตะวันออก จะมีด่านภายในเป็นด่านเข้มแข็งเพิ่มขึ้น ทางที่ประชุมได้แจ้งว่า จะมี 3 แนวทางที่เข้มข้นขึ้นคือ

1. การแสดงหลักฐานการอนุญาตต่อเจ้าพนักงานในพื้นที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าสถานีตำรวจ ที่ได้ขอมา

2. ต้องผ่านแอพพลิเคชั่นไทยชนะที่ด่านตรวจด้วย

และ 3. ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ COVID-19.in.th ซึ่งจะได้รับคิวอาร์โค้ดออกมาเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจ ซึ่งขณะนี้ทางด่านกำลังตรวจสอบระบบ ความไม่สะดวกที่จะในส่วนนี้เพื่อลดการเดินทาง


ดังนั้นหากไม่จำเป็นขอให้อย่าเดินทาง อยู่ในเคหะสถานเท่านั้น เพราะขณะนี้ทั่วโลกใช้วิธีการล็อกดาวน์ โดยมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นวานนี้ (19 ก.ค.) อย่างไรก็ตามบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นมี 6 กลุ่ม คือ

1.ทางด้านสาธารณสุข

2.การขนส่งเพื่อประโยชน์ของประชาชน อาหารยาเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภคผลผลิตทางการเกษตร น้ำมัน เชื้อเพลิง ไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์ สิ่งพิมพ์ สินค้าเพื่อการส่งออกหรือนำเข้า

3. การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน

4. การให้การบริการอำนวยประโยชน์เพื่อความสะดวกแก่ประชาชน

5. การประกอบอาชีพที่จำเป็น

และ 6. อื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายกรณีของเจ้าหน้าที่


อย่างไรก็ตามคนใน 13 จังหวัดจะถูกบล็อกไว้ ไม่ให้ออกไปง่ายๆ เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงส่วนคนที่อยู่ข้างนอกจะเข้ามาได้แต่ต้องมีความจำเป็นจริงๆ โดยจะใช้ 13 จังหวัดนี้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และทำให้เต็มที่ใน 14 วัน


ในส่วนของการขนส่งทางสาธารณะ กรุงเทพมหานคร กระทรวงคมนาคม จังหวัด หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ กำกับการบริการขนส่งสาธารณะทุกประเภทในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และการขนส่งสาธารณะทุกประเภทระหว่างจังหวัดทั่วราชอาณาจักร โดยการจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสารสำหรับยานพาหนะแต่ละประเภท


ทั้งนี้ในส่วนของต่างจังหวัดที่ไม่ใช่ 13 จังหวัดนั้น สามารถเดินทางไปมาหาสู่ได้แต่ต้องลดพื้นที่ในการขนส่งลงไปเป็นร้อยละ 50 และขณะนี้ได้ทราบจากสำนักงานการบินพลเรือน ความร่วมมือไปยังสายการบินทั้งหลายที่ใช้พื้นที่จากสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ได้งดเที่ยวบินจากกรุงเทพมหานคร แต่วันที่ 21 กรกฎาคม


นอกจากนี้ในส่วนพื้นที่ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติมเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. ต่อเนื่องเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และ4 จังหวัดภาคใต้ โดยจะมีการเพิ่มขึ้น 3 จังหวัด คือพระนครศรีอยุธยาชลบุรี ฉะเชิงเทรา


ในส่วนของมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ยังคงเดิมคือให้ซื้อกลับบ้าน และขายได้ถึง 20.00 น. ในส่วนของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดบริการได้เฉพาะแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกยา และเวชภัณฑ์ พื้นที่ซึ่งจัดให้เป็นการให้บริการฉีดวัคซีนหรือบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นๆของภาครัฐ โดยให้เปิดดำเนินการได้จนถึง 20.00 น.


โรงแรมให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติ โดยให้งดกิจกรรมการประชุมสัมมนาหรือจัดเลี้ยง ร้านสะดวกซื้อตลาดสด ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อ ซึ่งตามปกติเปิดให้บริการในช่วงกลางคืน โดยให้ปิดบริการระหว่างเวลา 20.00-04.00 น. และโรงเรียนสถาบันการศึกษาหรืออบรมและสถานศึกษาต่างๆให้ปฎิบัติตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้ขอให้แต่ละจังหวัด ดูในร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด และพื้นที่ต่างๆเหล่านี้ หากมีการติดเชื้อสูงขึ้น ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ขอให้จังหวัดพิจารณาสั่งปิดได้ตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่


นอกจากนี้ยังมีข้อสรุปเพิ่มเติมสำหรับการดำเนินงานนอกห้างสรรพสินค้า ในการดำเนินการโรงพยาบาล สถานพยาบาลคลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงานธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการเงิน และธนาคาร ตู้เอทีเอ็มธุรกิจสื่อสารคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์จำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจำเป็น สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้มเชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส


รวมทั้งบริการส่งสินค้าอาหารตามสั่ง ยังคงเปิดดำเนินการได้ตามความจำเป็นโดยผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด และการห้ามจัดกิจจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง การรวมกลุ่มมากกว่า 5 คน


ส่วนการอบรมสัมมนาของภาครัฐ ขอให้เป็นการประชุมโดยสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก 100% และรวมกลุ่มของบุคคลที่พนักงานเจ้าหน้าที่เคยอนุญาต ให้จัดกิจกรรมได้ตามข้อกำหนดที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ต้องทบทวนใหม่ หากประสงค์จะจัดกิจกรรมในช่วงระยะเวลานี้ให้ผู้รับผิดชอบจัดกิจการดังกล่าวดำเนินการขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบและทบทวนมาตรการที่เข้มข้นขึ้น


ในส่วนของราชการให้เวิร์คฟอร์มโฮมขั้นสูงสุดเต็มจำนวน เพื่อลดการเดินทางเคลื่อนย้ายโดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด และทั่วประเทศไทย หากไม่ได้เกี่ยวกับการควบคุมโรค เกี่ยวกับสาธารณสุข ในส่วนของเอกชน ขอความร่วมมือให้ประชุมในที่ประชุมหรือจัดการปฎิบัติงานให้น้อยที่สุด ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งในขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน


สำหรับสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง สวนสาธารณะ น้านทำผม เล็บ นอกห้างสรรพสินค้า ขอให้รอการประกาศของแต่ละจังหวัดอีกครั้ง


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/0Ggv_Zxrhbo


คุณอาจสนใจ

Related News