โควิดนิวไฮ +11,397 ศบค.เพิ่ม "ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-อยุธยา" เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม เริ่ม 20 ก.ค.นี้

สังคม

โควิดนิวไฮ +11,397 ศบค.เพิ่ม "ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-อยุธยา" เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม เริ่ม 20 ก.ค.นี้

โดย pattraporn_a

18 ก.ค. 2564

87 views

(18 ก.ค.) ศบค.ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จัดโซนการแพร่ระบาดทั่วประเทศใหม่ เพิ่มอีก 3 จังหวัด เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม และเข้มงวด ทำให้มาตรการต่างๆ รวมทั้งเคอร์ฟิว จะเพิ่มจาก 10 เป็น 13 จังหวัด


โดยการจัดโซนพื้นที่การแพร่ระบาดใหม่ทำให้มีพื้นที่สีแดงเข้มทั้งหมด 13 จังหวัด คือ เดิมมีกรุงเทพฯและปริมณฑลรวม 6 จังหวัด และ ชายแดนภาคใต้อีก 4 จังหวัด ก็เพิ่มอีก 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ อยุธยา


การปรับโซนพื้นที่ใหม่ก็จะมาพร้อมข้อกำหนดต่างๆ ที่สำคัญ คือ การลดและจำกัดการเดินทาง โดยใช้ตชคำว่า "เลี่ยง จำกัด หรือ งดเว้น" การเดินทางออกนอกเคหสถานที่ไม่จำเป็น โดยมีการยกตัวอย่างภารกิจ "ที่จำเป็น" ให้เดินทางได้ว่ามีอะไรบ้าง เช่น เพื่อหาเครื่องอุปโภคบริโภค, เพื่อพบแพทย์, เพื่อรับวัคซีน และการปฏิบัติงาน หรือประกอบอาชีพที่ทำนอกสถานที่ไม่ได้


และกำหนดไว้ด้วยว่า ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยการสนับสนุนของ กทม. , มหาดไทย, กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจิตอาสา ให้ความช่วยเหลือ และกระจายสิ่งอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งข้อกำหนดเดิมไม่มี


ส่วนเรื่องการห้ามออกจากบ้าน หรือ เคอร์ฟิว ยังเป็นเวลาเดิม คือ 21.00-04.00 น. แต่ที่เปลี่ยนไปคือ เรื่องการเปิดปิดห้าง


จากกราฟฟิกหน้าจอจะเห็น เดิมให้เปิดได้ 11 ประเภทกิจการ อันใหม่ เหลือ แค่ 3 กิจการ คือ ซุปเปอร์มาเก็ต, ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ และการให้บริการฉีดวัคซีน ส่วนอื่นๆห้ามเปิดแล้ว เช่น ธนาคาร,ไปรษณีย์, ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม มาตรการต่างๆเหล่านี้ ให้เริ่มใช้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม เป็นต้นไป


อีกส่วนคือมาตรการเรื่องขนส่งสาธารณะทุกประเภท อันนี้ให้เริ่มใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 21 กรกฎาคม คือ ให้การขนส่งในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด มีผู้ใช้บริการไม่เกิน 50เปอร์เซ็นต์ของความจุ และให้เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด


ทั้งนี้ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้ใช้มาตรการเหล่านี้ไปอย่างน้อย 14 วัน คือ ถึงวันที่ 2 สิงหาคม และต้องประเมินผลทุก 7 วัน ซึ่งก็จะเหมือนกับมาตรการที่ ศบค.ประกาศล็อกดาวน์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอผ่านมา 7 วันแล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่มสูงขึ้น ศบค.จึงประกาศมาตรการใหม่นี้ออกมา


ซึ่งสถานการณ์โควิดของไทย ขยับมาอยู่ลำดับที่ 54 ของโลก จากผู้ติดเชื้อใหม่ 11,397 คน ส่วนใหญ่มาจากระบบเฝ้าระวังคือ 8,670 คน พบจากตรวจเชิงรุก 2,400 คน ในเรือนจำ 318 คน วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของไทยนับตั้งแต่แรก คือต้นปี 2563 ทะลุ 4 แสนคน เป็น 403,386 คนแล้ว


เสียชีวิตเพิ่ม 101 คน ส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ คือ 60 คน รองลงมาคือ สมุทรปราการ 15 คน


สำหรับผู้ป่วยรักษาอยู่วันนี้คือ 116,135 คน ส่วนใหญ่ 67,835 คน อยู่ ใน รพ. อาการหนัก 3,464 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 846 คน


นพ.โอภาส อธิบดีกรมควบคุมโรค ตอบคำถามสื่อมวลชนโดยคาดการณ์ว่าจะฉีดวัคซีนได้มากพอ และมาตรการที่ออกมาตอบสนอง คาดว่าภายในไตรมาส 4 หรือภายในสิ้นปี สถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น ช่วงนี้ต้องยันสถานการณ์ไว้ ไม่ให้พุ่งขึ้น ดังนั้นช่วง 1-2 เดือนนี้วิกฤตที่สุดที่ต้องขอความร่วมมือ หากทำไม่ได้อาจต้องใช้มาตรการปิดเมืองเหมือนอู่ฮั่น


ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่รอเตียงเพิ่มขึ้นวันละ 14,000 คน ทางกรมการแพทย์ จึงต้องเร่งทำ Home Isolation และ community Isolation สำหรับผู้ป่วยสีเขียวอ่อน และสีเขียว และต้องเพิ่มเตียงสำหรับสีเหลือง สีแดง ให้มากขึ้น โดยต้องให้กลุ่มสีเขียวได้กลับบ้านเร็วขึ้น เช่นในกลุ่ม Hospitel ที่ให้รักษาครบ 7 วันแล้วกลับไปประะเมินอาการที่บ้านอีก 7 วัน รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์พักคอย ในกทม.ให้มากที่สุด


และวันนี้ ศบค. ได้เชิญสื่อมวลชนทำความเข้าใจแนวทางการเสนอข่าว ในสถานการณ์วิกฤต การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหลังจากการประชุมที่ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการ สมช.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปิดเผยว่า วันนี้ที่ได้เชิญสื่อมวลชน แขนงต่าง ๆ มาเพื่อเปิดให้ สอบถามข้อสงสัย พร้อมมีข้อเสนอแนะแก่ศบค.อย่างไรบ้าง ส่วนประเด็นการใช้คำว่าล็อกดาวน์ นายกรัฐมนตรีได้อนุญาตให้ใช้ได้ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ส่วนมาตรการต่าง ๆไม่อยากให้ใช้คำว่า "ห้าม" ยกเว้นเคอร์ฟิวในช่วง 3 ทุ่มถึง ตี 4 ส่วนในช่วงกลางวันเป็นการขอความร่วมมือ งดการเดินทางออกจากบ้าน

คุณอาจสนใจ

Related News