'ยายมะลิ' วัย 64 ติดโควิด รับตัวไปศูนย์พักคอย หาเตียงให้ไม่ได้ ต้องพากลับมาส่งบ้าน สุดท้ายสิ้นใจ

สังคม

'ยายมะลิ' วัย 64 ติดโควิด รับตัวไปศูนย์พักคอย หาเตียงให้ไม่ได้ ต้องพากลับมาส่งบ้าน สุดท้ายสิ้นใจ

โดย thichaphat_d

16 ก.ค. 2564

300 views

วันที่ 15 ก.ค.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางสาวนาตยา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ว่าแม่ของตนคือนางมะลิ อายุ 64 ปี ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา คาบ้านพักในชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กทม. เนื่องจากนอนรอเตียงนาน ไม่มีหน่วยงานไหนรับตัวไปรักษา ทั้งที่คุณแม่อาการแย่ไม่ไหวแล้ว แจ้งหน่วยงานไหนก็บอกให้รอ เดี๋ยวติดต่อกลับแต่ก็ไม่มีใครติดต่อกลับมา ปล่อยให้สิ้นใจตาย


ไม่รู้ว่าคุณแม่รับเชื้อมาจากที่ไหน โดยคุณแม่ไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.กลาง เมื่อวันที่ 5 ก.ค. คนเดียว ทราบผลวันที่ 6 ก.ค. เป็นบวก ระหว่างนั้นคุณแม่ได้พักอยู่บ้านเช่าในชุมชนดังกล่าวค่อนข้างอัด หมอแจ้งว่าจะมีให้รออยู่ที่บ้านจะมีเจ้าหน้าที่โทรหาเพื่อมารับแม่ไปรักษา แต่ก็ไม่มีใครมารับ จากนั้นวันที่ 7 ก.ค. คนในบ้านพากันไปตรวจหาเชื้อ ซึ่งพบว่าลูกเขย ,หลานสาววัย 4 ขวบ กับ 8 ขวบ, หลานสาววัย 9 ขวบ ผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด ทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาแล้ว ยกเว้นหลานสาววัย 9 ขวบ ยังหาเตียงไม่ได้


นางสาวนาตยา ยังเล่าอีกว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ประมาณ 3 ทุ่ม มีเจ้าหน้าที่เทศกิจ 3 คน นำรถมารับคุณแม่ท่ามกลางฝนตกหนัก บอกว่าได้เตียงแล้วจะรับไปที่ศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด วัดอินทรวิหาร จากนั้นเวลาประมาณตี 2 ของวันที่ 10 ก.ค. เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวโทรกลับมานำคุณแม่กลับมาส่งที่บ้านเหมือนเดิม


เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเคสของคุณแม่ไม่สามารถรับดูแลได้เพราะอายุเยอะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทีแรกเจ้าหน้าที่โทรแจ้งจะส่งถึงบ้าน แต่กลับพาแม่ของตนมาปล่อยทิ้งไว้กลางซอยเข้าหมู่บ้าน ฝนก็ตก คุณแม่นั่งอยู่ข้างทางสภาพหายใจแรง เดินไม่ไหว เหนื่อยหอบ คุณแม่ถ่ายท้อง ผ้าถุงเปรอะเปื้อนด้วยอุจจาระ มาปล่อยทิ้งไว้แล้วก็ไป


หลังจากที่นางสาวนาตยา ลูกสาว ได้พาคุณแม่เข้าบ้านแล้ว ก็พยายามสอบถามแม่ว่าเจ้าหน้าที่พาไปทำอะไรบ้าง คุณแม่ตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและไอว่า “ให้ออกซิเจนและให้นอนบนโต๊ะ แล้วก็เอาเตียงมาให้นอน ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดกับคุณแม่ว่า “รู้ว่าไม่มีเตียงยังจะมาอีก” คุณแม่ตอบกลับว่า “คนไม่สบายจะให้ทำยังไง เป็นหมอภาษาเหี้ยอะไรอะไร กูจะตายอยู่แล้วหายใจไม่ออก เราไม่มีเงินเขาถึงไม่ทำให้”


นางสาวนาตยา กล่าวว่า อย่าทำแบบนี้กับใครอีก ไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนแม่ ขอให้แม่เป็นเคสสุดท้าย ตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าทั้งที่รู้ว่าไม่มีเตียงจะรับคุณแม่ไปแล้วนำมาปล่อยทิ้งไว้ทำไม เขา “ตอนนี้หาเตียงให้ไม่ได้แล้ว ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” ทั้งนี้คุณแม่ กลับมาอยู่บ้านได้ 2-3 วัน อาการเริ่มทรุด เหนื่อยหายใจไม่ออก สภาพไม่ไหวแล้ว วัดค่าออกซิเจนในเลือด 20 กว่า


ก่อนที่คุณแม่ จะเสียชีวิตสองวัน มีเพจเราต้องรอด นำออกซิเจนมาให้แม่ ขณะนั้นคุณแม่นอนหายใจแรงอยู่บนเตียง แต่ยังลืมตาขยับตัวตอบสนอง เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามประเมินอาการและวัดค่าออกซิเจนในเลือด ให้คุณแม่เปลี่ยนท่านอนตะแคง เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ค่าออกซิเจนต่ำมาก เชื้อน่าจะลงปอดแล้ว ลูกสาวแจ้งวว่า ส่งชื่อเข้าระบบหน่วยงานรับไปบอกว่า “ตอนนี้ยังไม่มีเตียง”


ออกซิเจนช่วยประคองต่อลมหายใจคุณแม่ ได้แค่วันเดียวเอง ก่อนจะเสียชีวิตลงในวันที่ 12 ก.ค. เวลาประมาณ 11 โมง ก่อนจะสิ้นใจคุณแม่ ถ่ายท้อง ตัวสั่นตัวเย็นเหงื่อออกเต็มตัว ก่อนตายแม่พูดกับตนว่า “เมื่อไหร่เขาจะมารับสักที ยังไม่ได้เตียงอีกเหรอ ไม่ไหวแล้วจะไปแล้วจะไปละนะ” ตนจึงบอกว่า “แม่สู้นะ ใจเย็น ๆ สู้อีกหน่อยเดี๋ยวก็มีคนมารับเรา ต้องมีคนมาช่วยเรา เขากำลังหาเตียงให้แม่” พูดไม่นานคุณแม่ก็สิ้นลมหายใจ


ญาตินำร่างไปเผาที่วัดพระพิเรนทร์ เจ้าหน้าที่ยกโลงศพขึ้นเมรุ ลูก ๆ ร้องไห้ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ ยืนข้างเมรูพูดว่า “ไปให้สบายนะแม่ หลับให้สบายนะแม่”


นางนาตยา กล่าวว่า มันสะเทือนใจคนเป็นลูก ใจแทบขาด ที่ผ่านมาพยายามติดต่อหลายหน่วยงาน คำตอบที่ได้ “รอก่อนนะเดี๋ยวมีคนโทรกลับ” มีแต่คำว่า “รอ” อย่างเดียว รอจนคุณแม่สิ้นใจ แม่สู้ถึงวินาทีสุดท้ายจนแกตาย ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “อย่าปล่อยให้ผู้ป่วยรอนานขนาดนี้ ชวิตทั้งชีวิต ชีวิตคนมันมีค่า รู้ว่าทุกคนเหนื่อย ในเมื่อมารับแม่ไปแล้วนำเขากลับมาอีกทำไม”


สำหรับเด็กหญิงวัย 9 ขวบ หลานสาวของผู้ตายที่ได้รับเชื้อด้วย โดยนายสมชาย พ่อของเด็กเล่าว่า รอเตียงนาน 9 วันแล้ว ยังไม่มีสถานที่รับรักษา ตอนนี้ลูกสาวนอนซมอยู่ในห้อง เหนื่อย กินอะไรก็อ้วก กินข้าวได้น้อย ตนโทรไปทุกหน่วยงานก็ไม่มีใครติดต่อกลับมา มีแต่เพจเราต้องรอด เข้ามาดูอาการของลูกสาวและเอายาขับเสมหะ เกลือแร่ ยาลดไข้ให้กิน


ตนเข้าใจว่าหน่วยงานต่าง ๆกำลังเร่งประสานเตียงให้อยู่ แต่มันนานเกินไป บางเคสทำไมถึงรับไว ตนโทรไป 1669 1668 ไม่สามารถติดต่อเลย ศูนย์เอราวัณก็ติดต่อไม่ได้ โทรไปทีไรสายไม่ว่าง หน่วยงานที่พอจะติดต่อได้ก็บอกว่าจะประสานหาเตียงให้แต่ก็เงียบไป


นายสมชาย กล่าวว่า ตนเองตรวจหาเชื้อแล้วเป็นลบแต่จะไปตรวจซ้ำอีกครั้ง ตนอยู่ดูแลลูกสาวในห้องเช่าตั้งแต่วันที่ทราบผลตรวจ ไม่อยากให้ลูกอยู่คนเดียว คาดว่าลูกสาวและหลานสาวอีก 2 คน น่าจะได้รับเชื้อจากย่าที่เสียชีวิต เพราะขณะที่ย่าไม่สบาย หลาน ๆ เข้าไปอยู่ในห้องนอนกับย่า เพราะคิดว่าย่าเป็นไข้ธรรมดา หลาน ๆ จึงไปดูแลย่า กินข้าวกับย่า ไม่คิดว่าย่าจะติดโควิด ลูกสาวของตนใกล้ชิดย่ามากที่สุดเพราะนอนด้วยกันในช่วงที่ย่าไม่สบาย


พ่อของเด็กหญิงวัย 9 ขวบ บอกว่า ตนจะคอยดูแลลูกสาวแม้จะเสี่ยงก็ตาม เสี่ยงก็ไม่เป็นไร ลูกคนเดียวติดก็ให้มันติดไป ผมทิ้งลูกไม่ได้ ” เพราะตนเห็นบางเคสลูกเสียตายเพราะโควิด ตนเห็นแล้วน้ำตาไหล หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เลยต้องดูแลเขา ถ้าไม่มาดูแลลูกจะอยู่กินยังไง ออกไปไหนก็ได้กลัวเอาเชื้อไปแพร่ให้คนอื่น 


“ชาวบ้านบางคนถามทว่าทำไมตนไม่กักตัว ก็ตอบไปว่า “ถ้ากักตัวใครจะมาซื้อข้าวให้ลูกผมกิน ขอให้เข้ามาดูแลลูกผมหน่อย เอาเขาไปรักษาให้ที มันนานเกินไปแล้วสำหรับเด็กตัวแค่นี้ ถ้า เป็นนอะไรไปผมคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ ในใจมีแต่เรื่องเศร้ามันอึดอัดไม่รู้จะระบายกับใคร อยากให้หน่วยงานรับรู้ทุกชีวิตมีความหมาย พวกคุณไม่รู้หรอกคนที่สูญเสียรู้สึกอย่างไร”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/_7c9MqtcI68

คุณอาจสนใจ

Related News