กำลังซื้อประชาชนหดหาย ทำให้การขายสินค้าออนไลน์ ที่ขายตัวสูงในการระบาดรอบแรก แต่การระบาดรอบ 3 นี้ ยอดขายหดตัวถึง 25%

นายปฐม อินทโรดม กรรมการ ครีเอทีฟ ดิจิทัล อีโคโนมี่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ อีคอมเมิร์ซในวิกฤตโควิด 19 รอบ 3 ที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เห็นได้ชัด คือ ยอดขายในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่หายไปถึง 25% เมื่อเทียบกับการระบาดในรอบแรกที่เติบโตก้าวกระโดด ซึ่งเป็นภาวะที่น่ากังวล และหากรัฐบาลไม่ชัดเจนในมาตรการเติมเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ชัดเจน ประชาชนก็จะยังไม่มั่นใจในการใช้จ่าย โดยจะเลือกซื้อสินค้าเฉพาะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น ทำให้กลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าในกลุ่มแม่และเด็กยังคงประคองตัวได้ แต่สำหรับกลุ่มสินค้าแฟชั่นและเครื่องสำอางค์ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก หากไม่ปรับตัว อาจอยู่ไม่ได้ในภาวะวิกฤตนี้

ขณะที่ ศูนย์วิจัย krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ออกมากระตุ้น ให้ภาครัฐใส่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงหลังจากนี้ โดยมองว่าอาจจะออกมาคล้ายกับมติภาคเอกชนที่เสนอให้เพิ่มวงเงินในมาตรการคนละครึ่งเป็น 6,000 บาท เป็นต้น เนื่องจากมองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการเยียวยา ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ซึ่งล่าสุดกรุงไทย ได้หั่น GDP ปีนี้ เหลือ 0.5 - 1.3% เท่านั้น

ด้าน กระทรวงการคลัง ไฟเขียว ให้นายจ้างและลูกจ้าง ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด สามารถ "หยุดหรือเลื่อน" ส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพชั่วคราว ถึงสิ้นปี

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/VaSXHxivz84