อยุธยา-วานนี้ (12 ก.ค.) เกิดเหตุระทึกที่โรงงานผลิตชุดชั้นในแห่งหนึ่ง ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พนักงานโรงงานพากันวิ่งหน้าตื่นออกมายืนออกันหน้าโรงงาน เพราะคิดว่าเกิดสารเคมีรั่วไหล เนื่องจากได้กลิ่นเหม็นและมีพนักงานหน้ามืดเป็นลม ต้องนำส่งโรงพยาบาลถึง 31 คน

หลังได้รับแจ้ง นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้หัวหน้าสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พบว่า โรงงานได้ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด ในสัดส่วนการผสมที่เข้มข้นเกินกำหนด และภายในโรงงานอากาศไม่หมุนเวียน จึงทำให้พนักงานบางส่วนเป็นลม หน้ามืด

ซึ่งทางโรงงานได้หยุดงาน และให้พนักงานทั้งหมดกลับที่พัก เปิดพื้นที่ให้อากาศถ่ายเทสะดวก และเฝ้าระวังพนักงานที่มีอาการนำส่งโรงพยาบาล ทั้งหมด 31 ราย บางรายมีอาการไม่มาก พักสูดยาดมก็กลับบ้านได้เลย ส่วนที่เหลืออีก 17 ราย แพทย์ให้พักดูอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งภายหลังก็ทยอยกลับบ้านได้แล้วทั้งหมด

ทีมข่าวสอบถามไปที่ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายว่า กลุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในการฉีดพ่นบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการแพ้ฉับพลันได้ โดยน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้กันปัจจุบันมีหลายกลุ่ม เช่น แอลกอฮอล์ 75% หรือ 70% ตามมาตรฐาน จะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้

แต่มีสารอีกชนิด คือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่หากสูดดมเข้าไป อาจทำให้เกิดปฎิกิริยาในระบบทางเดินหายใจ เป็นอันตรายต่อร่างกาย ตามความเข้มข้นที่ใช้ อีกกลุ่มคือ พวกสารประกอบคลอรีน ซึ่งใช้ในการฆาเชื้อสระว่ายน้ำ ถ้ามีความเข้มข้นสูงก็อาจเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้น ต้องไปตรวจสอบว่า น้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในโรงงานแห่งนี้ เป็นชนิดไหน พร้อมแนะนำ หากจะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ต้องระวังเรื่องความเข้มข้นและชนิดของสารที่ใช้ ควรเลือกตัวที่ปลอดภัยที่สุด และปฎิบัติตามคำแนะนำข้างขวดผลิตภัณฑ์

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/lYIi47KBDKU