ถึงเวลาช่วยเหลือตัวเอง...ชาวคลองเตยติดโควิดรอเตียง ต้องกางเต้นท์นอนใต้ทางด่วน เป็นลานแคมป์ปิ้ง

สังคม

ถึงเวลาช่วยเหลือตัวเอง...ชาวคลองเตยติดโควิดรอเตียง ต้องกางเต้นท์นอนใต้ทางด่วน เป็นลานแคมป์ปิ้ง

โดย thichaphat_d

12 ก.ค. 2564

56 views

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นนวนมากเตียงในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามต่าง ๆ เต็ม ทำให้ชาวชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. ต้องลุกขึ้นดูแลกันเองรอความช่วยเหลือไม่ไหวแล้ว ผู้นำชุมชนตัดพ้อจะทำอย่างไรดีจำนวนโควิดในชุมชนก็เพิ่ม


ตัดสินใจเปลี่ยนลานกีฬา เป็นลานแคมป์ปิ้ง ให้ผู้ป่วยโควิด แยกออกจากที่บ้านมาพักคอย ตั้งคนในชุมชนมาดูแลกันเอง ได้นำเต้นท์มา 21 หลัง จากโรงเรียนประถมนนทรี ตั้งเป้า 30 หลัง สำหรับให้ผู้ป่วย เช่าพาเลทจากโรงไม้ย่านท่าเรือ เอาวัยรุ่นในชุมชนมาช่วยกัน ที่เหลือไม่มีอะไรกันสักอย่างไม่มีอะไรจริง ๆ ขาดยา น้ำดื่ม วัตถุดิบทำอาหาร เป็นต้น


ทางผู้นำชุมชนจึงไปตลาดปีนัง ซื้อสแลนสีเขียวมากั้นอาณาเขตให้ผู้ป่วยโควิดได้แยกออกจากครอบครัวมากักตัวก่อน เพราะอยู่ติดชุมชน ที่คนอยู่กว่า 3,000 ชีวิต เอาสแลนเขียวไปล้อมแคมป์ปิ้งกันเป็นสัดส่วน นี้อาจอีกหนึ่งโมเดล จากคลองเตยที่เขตอื่นต้องนำไปทำ


ประธานชุมชน บอกว่าวิกฤตแล้ว ชาวบ้านตกลงกันว่าจะทำเป็นจุดพักคอยก่อนที่จะมี รพ.มารับคนป่วยไป เพราะเป็นชุมชนแออัดอยู่ในห้องเล็ก ๆ ทั้งครอบครัว ถ้ามี 1 คนติด คนในครอบครัวก็เสี่ยง จึงต้องแยกคนป่วยออกจากครอบครัว นี่คือจิตสำนึกที่มีความรับผิดชอบต่อคนในชุมชน


จุดพักคอยแห่งนี้ตั้งอยู่ใน สนามกีฬาใต้ทางด่วน ของชุมชนริมทางรถไฟท่าเรือ โดยชาวบ้านช่วยกันหาไม้พาเลทและเต็นท์มาวางแบบเว้นระยะห่าง มีห้องน้ำ และโรงครัวที่ทำกันเอง มีสแสลนขึงไว้เพื่อกันแดดกันฝน แต่ก็ไม่ได้ช่วยได้ 100% เมื่อฝนตกก็จะมีน้ำที่ไหลออกมาตามช่องของทางด่วน คนป่วยจะต้องนอนในเต้นท์ที่มีน้ำกระเด็นอยู่ตลอดเวลา เพราะเต้นท์ที่ชาวบ้านหามาก็ไม่ช่วยกันแดดหรือกันน้ำเลย เห็นแล้วหดหู่ใจมาก ๆ


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ได้คุยกับนายสมนึก อัคะษร กรรมการชุมชนริมทางรถไฟสายท่าเรือ เผยว่า ผู้ป่วยโควิดบางคนอยู่กับครอบครัวในห้องเช้าเล็ก ๆ หลายคน ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนรับรักษา กรรมการชุมชนจึงปรึกษากันกับฝ่ายต่าง ๆ หาสถานที่และอุปกรณ์ มาทำสถานกี่กักตัวเพื่อแยกผู้ป่วยออกมาจากครอบครัว เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในชุมชน แล้วจัดคนในชุมชนมาช่วยกันดูแล เราไม่ได้ทำใหญ่โตเป็นโรงพยาบาลสนามอะไร ถ้าไม่ทำแบบนี้ ชาวบ้านซึ่งเป็นชุมชนแออัด เชื้อจะแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ


นายสมนึก กล่าวต่อว่า ขณะที่หลายหน่วยงานในพื้นที่คลองเตย นำสิ่งของข้าวสารอาหารแห้ง วัตถุทำอาหารมาร่วมบริจาค ทำให้เห็นนำใจ “คนคลองเตยไม่ทิ้งกัน” คนในชุมชนจะช่วยกันผู้ป่วยกลุ่มนี้เอง จนกว่าจะมีสถานพยาบาลรองรับมารับตัวไปรักษา เราไม่รับคนชุมชนอื่น จะรับเฉพาะคนในชุมชนเท่านั้น เฉพาะคนในชุมชนเราก็แย่แล้ว ใครเอาของมาบริจาคยินดีรับ แต่ไม่รับบริจาคเงิน ไม่เกี่ยวเรื่องการเมือง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยชายหญิงรวม 6 ราย อายุ 8- 30 ปี ทุกคนใส่หน้าอนามัยโดยจะอยู่รวมกันในพื้นที่ดังกล่าว มีสแลนเขียวล้อมรอบ จะอยู่แต่ด้านใน เต้นท์ใครเต้นท์มัน ไม่ออกมาคลุกคลีกับคนข้างนอก ออกมาได้เฉพาะเข้าห้องน้ำเท่านั้น เมื่อญาตินำที่หมอน ผ้าห่ม อาหารมาให้ก็จะว่างไว้ที่หน้าทางเข้าจุดกักตัว เรียกให้ออกมารับ หลังจากรับของเสร็จก็ให้ผู้ป่วยรีบเข้าไปด้านใน


สอบถามนางสาวเดือน (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ป่วยโควิด เผยว่า ตนเองเริ่มไม่สบายตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. จากนั้นเริ่มสังเกตอาการจนกรนะทั่งวันที่ 5 ก.ค. จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจไม่ออก ต่อมาเช้าวันที่ 6 ก.ค.ได้ไปตรวจหาเชื้อผลตรวจเป็นบวก ตนยังในบ้านตามเดิม ซึ่งในบ้านอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน ตนเอง สามีอายุ 35 ปี ,ลูกชาย 2 คน 3 ขวบกับ 10 ขวบ ถือว่าเสี่ยงสูงเพราะอยู่ด้วยกัน


สามีผลออกแล้วเป็นลบไม่พบเชื้อ ลูกวัย 3 ขวบ ยังไม่ได้ตรวจเพราะ จนท. ไม่ตรวจให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ส่วนลูกชายวัย 10 ขวบ ผลเป็นบวกติดโควิด ตอนนี้มานอนกักตัวอยู่กับตนในเต้นท์ใต้ทางด่วน ตนเป็นเป็นห่วงลูกชายวัย 3 ขวบมาก คาดว่าอาจได้รับเชื้อ เนื่องจากตนเองดกับลูกเล็กอยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา ต้องคอยบอกลลูกอย่ามาใกล้แม่ ตนมองว่าการแยกตัวมาอยู่แบบนี้ถือว่าดี ขืนตนยังอยู่ในบ้านก็ต้องอยู่รวมกับสามีที่ผลเป็นลบ


ก่อนหน้าหลังจากที่ทราบว่าตนเองติดโควิด ได้ติดต่อทุกหน่วยงานและเพจต่าง ๆ ผลตอบรับคือให้รออย่างเดียว รอนานเกือบ 10 วัน ติดต่อให้รถมารับก็ไม่มีใครมารับ เพราะไม่มีเอกสารยันยันผลตรวจ เนื่องจากคลินิกที่ตนไปตรวจรอบแรกแจ้งผลผ่าน SMS อีกทั้งทางโรงพยาบาลไม่รับรองผลตรวจ ตนจึงประสานไปยังสถานพยาบาลที่ทำการตรวจเชิงรุกหาเชื้อให้รอบ 2 เพื่อขอเอกสารยืนยันผล นำไปยื่น รพ.ให้รถรับ แต่ยังหาเตียงไม่ได้


นางสาวเดือน ร้องไห้สะท้อนไปยังภาครัฐว่า รอนอนจนคิดว่าทำไมรัฐบาลถึงบริหารจัดการแบบนี้ พร้อมเล่าว่า คืนวันที่ 6 ก.ค.ตนพาครอบครัวไปต่อคิวตรวจเชิงรุกที่วัดราชสิงขร ตั้งแต่เที่ยงคืน นอนรอคิวอยู่ข้างวัด เข้าไปขอกล่องกระดาษมาปูรองพื้นให้ลูกนอน ได้ตรวจ 8 โมงเช้า บางทีก็คิดมันขนาดนี้เลยเหรอ อยากให้รัฐหันมามองประชาชนบ้างว่าพวกเราลำบากกันขนาดไหน พวกเราไปนอนข้างทางเพื่อรอตรวจหาเชื้อ มันหดหู่ไม่น่าเป็นอย่างนี้


รัฐควรจัดสรรจุดบริการตรวจโควิดฟรีให้ประชาชนมากว่านี้ ครั้งแรกที่ตนไปตรวจที่คลินิกเสียเงิน 800 บาท คนรอตรวจเกือบพัน เขาอยากรู้ว่าติดเชื้อหรือไม่ก็ต้องยอมเสียเงิน จะไปรอตรวจฟรีตามจุดบริการของรัฐก็ไปไม่ทัน คิวเต็มแถมยังต้องไปนั่งรอนอนรอคิวอย่างอนาถา เรามีบัตรประกันสุขภาพ 30 บาท แต่ไปตรวจที่ไหนไม่ได้เลยตอนนี้ ต้องดิ้นรนหายืมเงินไปตรวจหาเชื้อเอง



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/PnkW8nK05vI

คุณอาจสนใจ

Related News