แทบขาดใจ! ลูกสาวดิ้นรน ส่งแม่รักษาโควิด อยู่ รพ.ไม่ทันข้ามคืนสุดท้ายดับ สุดเศร้าต้องกักตัว ไม่ได้เผาศพแม่

สังคม

แทบขาดใจ! ลูกสาวดิ้นรน ส่งแม่รักษาโควิด อยู่ รพ.ไม่ทันข้ามคืนสุดท้ายดับ สุดเศร้าต้องกักตัว ไม่ได้เผาศพแม่

โดย thichaphat_d

10 ก.ค. 2564

819 views

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความสูญเสียคุณแม่จากการติดเชื้อโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้าเธอได้พยายามร้องขอความช่วยเหลือ หาเตียงเพื่อรักษาคุณแม่และคนในครอบครัว รวม 3 ราย หลังจากแม่อาการค่อนข้างหนักรอเตียงอยู่ที่บ้านใน ซ.เจริญกรุง 67 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม.


พร้อมเผยภาพคุณแม่นอนอยู่บนเตียงใส่เครื่องช่วยหายใจ มีถังออกซิเจนขนาดใหญ่อยู่ ระบุว่า “ใครพอหาเตียงให้ได้บ้าง รพ.เอกชน หรือ รพ.รัฐบาล ก็ได้ ตอนนี้แม่อาการหนักมาก ผลก็ยังไม่ได้ ต้องรออย่างเดียว” ในเวลาต่อมาเธอโพสต์แจ้งว่า “รอแค่ผล Lab อย่างเดียวติดแค่อย่างเดียว โคตรเสียใจเลย”


กระทั่งมีรถพยาบาลเดินทางมารับตัวเพื่อนำส่งไปรักษาที่ รพ.บุษราคัม เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 8 ก.ค. เธอโพสต์อัพเดตว่า “คุณแม่กับน้าอีก 2 คน ถึงมือคุณหมอ ที่ รพ.บุษราคัม แล้ว ซึ่งขณะนั้นแพทย์ประเมินว่าเป็นคนไข้กลุ่มอาการสีแดงอาการหนักที่สุด”


พร้อมขอบคุณ ทุก ๆ คน ทุก ๆ หน่วยงานที่ช่วยแชร์และโทรเข้ามาให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลือ รับสายไม่ทัน ตอบแชทไม่หมดเรามีคนโทรและทักมาหาเยอะมาก ตอนนี้ต้องอดทน คนไทยไม่ทิ้งกัน เราต้องรอด “ทำใจไม่ได้ ใจจะขาด”


ต่อมาเวลา 04.22 น.ของวันที่ 9 ก.ค.ลูกสาวได้โพสต์ภาพคุณแม่ในเฟซบุ๊กเฟซบุ๊ก ระบุว่า แม่จ๋า หนูรักแม่มากๆ นะหนูทำดีที่สุดแล้วใช่มั้ย มันจุกจังเลย มันเหมือนจะขาดใจ มัน งง มันคิดอะไรไม่ออก หนูพยายามหารถ หาทุกอย่างจนแม่ได้รถไปโรงพยาบาล”


ลูกสาวยังระบุอีกว่า “หนูบอกให้แม่อดทน บอกให้แม่สู้ เราต้องรอดไปด้วยกัน หนูรู้ว่าแม่อดทนสุด ๆ แล้ว แต่มันหนักเกินไปใช่มั้ย ตอนนี้แม่ไม่ต้องเหนื่อยแล้วนะ ไปอยู่กับพ่อเป็นนางฟ้าบนสวรรค์นะแม่ ยังไม่ทันได้กอด ยังไม่ทันได้หอม ก็จากกันไปแล้ว หนูรักแม่มาก ๆ นะ ดวงใจของหนู" ตอนนี้ลูกสาวของผู้ตายต้องกักตัวอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปร่วมเผาศพคุณแม่


เมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) เวลา 16.00 น. ญาติได้นำร่างของนางวรรณา วงศ์กิติญา อายุ 59 ปี ผู้เสียชีวิตใส่ถุงซิป 3 ชั้นทุกชั้นมีน้ำยาฆ่าเชื้อบรรจุลงโลง ไปฌาปนกิจที่วัดสุทธิวรา เจ้าหน้าที่ใส่ชัด PPE นำร่างที่บรรจุอยู่ในโลงศพ ยกขึ้นไปบนเมรุและเอาใส่เตาเผาทันที ไม่มีพระสวดทำพิธีอะไร มีเพียงญาติห่าง ๆ ที่เดินทางมาเป็นตัวแทนในครอบครัว เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจศพเพียงผู้เดียว ยื่นอยู่ห่าง ๆ ข้างล่างเมรุ โดยไม่มีญาติหรือใครสามารถขึ้นไปบนเมรุได้


ญาติของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คาดว่าที่สาวรับเชื้อมานานกว่า 14 วัน แต่ไม่แสดงอาการ ต่อมาได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดปรากฏว่าผลเป็นบวก ก่อนที่ทางญาติจะประสานไปยัง รพ.บุษราคัม ให้นำรถมารับไปรักษา ระหว่างนั้นลูกสาวของผู้เสียชีวิตพยายามประสานงานทุกอย่าง แต่ขั้นตอนการทำเอกสารล่าช้า เพราะต้องนำผลตรวจเป็นเอกสารไปยื่นต่อโรงพยาบาล ถึงจะเข้ารักษาตัวได้


ขณะที่ผู้ตายนอนอยู่ที่บ้านรอให้รถมารับ มีอาการไอ หายใจไม่ออก ออกซิเจนต่ำ ผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นความดันเบาหวาน รับเชื้อโควิดมาโดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าไปรับเชื้อมาจากที่ไหน หรือใครเป็นผู้นำเชื้อเข้ามา อยู่ที่บ้านก็ไม่แสดงอาการใด ๆ


ทั้งนี้คนที่บ้านได้พาแม่ไปทำการตรวจสวอบเพื่อหาเชื้อโควิด ปรากฏว่าวันที่ 7 ก.ค. คุณแม่ทราบผลติดเชื้อโควิด-19 โดยเริ่มหายใจติดขัดจนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่บ้าน ขณะเดียวกันทุกคนพยายามประสานหาเตียง ไม่น่าเชื่อคือในช่วง 2 วัน จู่ ๆ คุณแม่ก็อาการทรุดลงเรื่อย ๆ ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบุษราคัม และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลฯ หลังจากถึงมือหมอ


ญาติผู้ตาย ระบุว่า อาการน่าจะทรุดลงช่วงที่อยู่บนรถพยาบาล เพราะตอนที่อยู่ที่บ้านค่าออกซิเจนอยู่ที่ระดับ 70 แต่ระหว่างนำตัวส่ง รพ.บุษษราคัม ออกซิเจนก็ต่ำลงเรื่อย ๆ ยอมรับว่ารู้สึกช็อกและตกใจมาก ทีแรกทุกคนใจชื้นแล้วว่าน่าจะปลอดภัยเพราะได้อยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว รักษาตัวอยู่ที่นั่นไม่นานก็คงได้กลับบ้าน


ส่วนพี่สาวของตนอีก 2 คน ซึ่งอยู่ในบ้านหลังเดียวกับผู้ตาย ผลตรวจพบว่าติดโควิดเช่นกัน ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัมทั้งสองคนแล้ว ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยทำเรื่องเอกสารให้ไวขึ้น หลายเคสต้อง รอเอกสาร ซึ่งขั้นตอนนี้ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ ถ้ามีเอกสารผลการตรวจมายืนยันถึงจะมีรถมารับไปโรงพยาบาลได้


ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/pOgPj8Q3-c0

คุณอาจสนใจ

Related News