คณะวิจัยเฉพาะกิจ จากหลายมหาวิทยาลัย วิเคราะห์ค่าการตกค้างของเขม่าสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ไม่อยู่ในเกณฑ์อันตราย แต่แนะนำให้ภาครัฐตรวจการปนเปื้อนในดินด้วย ขณะภารกิจลำเลียงสารสไตรีนโมโนเมอร์ วันนี้ต้องยุติก่อน จากปัญหาสภาพดินและอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

ที่ประชุมร่วมของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดสมุทรปราการ แถลงเมื่อค่ำวันนี้ว่า ฃเจ้าหน้าที่ต้องยุติการเคลื่อนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์ ของบริษัทหมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ออก ไปก่อน เพราะมีอุปสรรคจากผิวถนนที่ไม่เรียบ และสภาพอากาศที่ไม่อำนวย

นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท อัคคีปราการ จำกัด ระบุว่าฝนที่ตกหนัก ทำให้ทรายและดินที่ทำเป็นเส้นทางขนถ่ายสารเคมี ยุบตัว ซึ่งเสี่ยงจะพลิกคว่ำหรือเกิดอันตรายได้จึงต้องยุติไว้ก่อน โดยจะเริ่มดำเนินการอีกครั้งวันพรุ่งนี้

ส่วนนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่าและหากเคลื่อนย้ายสารสไตรีนโมโนเมอร์ทั้ 5 หมื่นลิตรแล้วเสร็จพรุ่งนี้ จะทำให้พื้นที่รัศมี 1 กิโลเมตร รอบที่เกิดเหตุ อยู่ในสภาวะปลอดภัย และจะประกาศให้กลับเข้าที่พักได้

ขณะที่ผลการวิเคราะห์มลพิษฟุ้งกระจายและการตกสะสม โดยคณะวิจัยเฉพาะกิจ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และม.เชียงใหม่ ตั้งสมมติฐานกรณีที่สารเคมีอาจรั่วไหลลงพื้นดิน หรือแหล่งน้ำใต้ดิน ซึ่งนักวิชาการระบุว่า มีข้อมูลค่อนข้างจำกัด หากเทียบกับการเผาไหม้ในอากาศ นักวิจัยจึงทำสถานการณ์จำลองหลายสถานการณ์ ของการแพร่กระจายใต้ดิน ในระยะ 30 ปีนับแต่ก่อตั้ง พบว่าหากจะรั่วไหล ก็จะอยู่ในระยะ 500 เมตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเจาะสำรวจในพื้นที่ดังกล่าว

ส่วนผลการทำแบบจำลอง การฟุ้งกระจายและตกสู่พื้นดิน ของเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้ พบว่าในระยะเกินกว่า 1 กิโลเมตร ที่เขม่าควันพัดพาไปนั้น ทั้งสารสไตรีน และโพลีไซคลิกอโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ไม่ได้เข้มข้นจนเกินค่าความปลอดภัย และไม่ตกค้างในระดับที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อมะเร็ง ทั้งบนผิวดินและแหล่งน้ำแต่อย่างใด