ชาวบ้านที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้ามาสำรวจ-ตรวจสอบ กรณีพบกลุ่มทุนลักลอบเข้ามาปักไม้ไผ่-ก่อสร้างขนำกลางปากอ่าว ครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 5 พันไร่ พวกเขากังวลว่าหากไม่เร่งดำเนินการ จะส่งผลกระทบต่อชาวประมง กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างชาวบ้าน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานรัฐ แบบเดียวกับอ่าวบ้านดอน สุราษฏร์ธานี ล่าสุด ผู้ว่าฯและกรมประมง สั่งรื้อถอนแล้ว

โดยระยะทาง 7 กิโลเมตร จากท่าเทียบเรือ เบื้องหน้าคืออ่าวปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แหล่งทรัพยากรทางทะเล ที่กำลังจะถูกกลืนกินจากการทำประมงผิดกฏหมาย มีไม้ไผ่ที่ปักเป็นทางยาวไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร นี่คือผลกระทบที่ชาวปากพนังฝั่งตะวันออก กังวลว่า หากไม่เร่งดำเนินการ จะส่งผลกระทบโดยตรงกับประมงพื้นบ้าน กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มทุน ชาวบ้าน ลามไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ

ปฏิบัติการรื้อถอนเริ่มขึ้นทันที หลังจากทุกฝ่ายหารือและเห็นตรงกันว่า อ่าวปากพนัง เป็นของทุกคน ใครก็ตามที่อ้างสิทธิโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม เป็นความเห็นแก่ตัวที่ยอมไม่ได้

อ่าวปากพนัง มีพื้นที่อยู่ราว 1.1 แสนไร่ เป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ แต่หลังจากมีกลุ่มทุนเข้ามารุกล้ำ ปักเขตแดนกลางทะเล อ้างสิทธิส่วนบุคคลครอบคลุมพื้นที่ถึง 5 พันไร่ อ่าวที่เคยล่องเรือจับกุ้งจับหอย ก็ทำได้ยาก ร่องน้ำพาณิชย์ที่เว้นไว้สำหรับสัญจร ก็ต้องอ้อมออกไปไกล

จึงเป็นเหตุผลที่ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ประมงจังหวัด เจ้าท่า ทช. และฝ่ายความมั่นคง ต้องเข้ามารื้อถอนก่อนที่ขนำถาวร ราคาหลักล้าน จะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แบบเดียวกับที่เคยเจอในอ่าวบ้านดอน สุราษฎร์ธานี

ข้อมูลกรมประมง พบว่า ที่อ่าวปากพนัง มีประมงพื้นบ้านอยู่นับพันครอบครัว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มพบความผิดปกติ มีไม้ไผ่ปักกลางอ่าว ขณะที่การข่าวความมั่นคง เชื่อว่า เรื่องนี้มีกลุ่มผู้อิทธิพลและคนมีสีอยู่เบื้องหลัง หลังจากอ่าวบ้านดอนเกิดปัญหา ก็พยายามขยายฐานการผลิตเข้ามาที่นครศรีธรรมราช และอ่าวปากพนังก็คือหนึ่งในเป้าหมาย