ปิดวาล์วครบ 3 จุด คุมเพลิงแล้วโรงงานกิ่งแก้ว สรุปปฏิบัติการระเบิดสนั่นเมือง อาลัย 'พอส' กู้ภัยสละชีพ

อาชญากรรม

ปิดวาล์วครบ 3 จุด คุมเพลิงแล้วโรงงานกิ่งแก้ว สรุปปฏิบัติการระเบิดสนั่นเมือง อาลัย 'พอส' กู้ภัยสละชีพ

โดย thichaphat_d

6 ก.ค. 2564

898 views

จากกรณีถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่ภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้เกิดรั่วและระเบิดขึ้นทำให้ไฟไหม้ตัวโรงงาน


ล่าสุดเมื่อเวลา 23.55 ผู้ว่าฯ จ.สมุทรปราการ ยืนยันควบคุมเพลิงไหม้สารเคมีในโรงงานหมิงตี้ ได้แล้ว หลังใช้โฟมดับและทำการปิดวาล์วได้ครบทั้ง 3 จุด ทำให้เพลิงสงบลงและควันเริ่มลดลง หลังจากนี้ยังคงฉีดน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อดับถ่านและลดอุณหภูมิ แต่ยังคงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง


00.25 น. อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย ในที่เกิดเหตุแจ้งเกิดเพลิงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เร่งฉีดโฟมสกัด เพลิงเริ่มสงบลง จากนั้นเวลาประมาณ 01.00 น เพลิงก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้งเกิดกลุ่มควันสีดำ จึงต้องนำรถโฟมมาฉีดลดความร้อนไม่ให้เพลิงลุกไหม้อีก ผู้ว่าฯจ.สมุทรปราการย้ำประชาชนอย่าพึ่งอพยพกลับ ให้รอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง


ขณะที่เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่โรงงานใกล้เคียงอาคารและหนังปูนถูกแรงอัดจนถล่มลงมา ได้รับความเสียหาย และตั้งแต่เกิดเหตุมา เพลิงยังคงลุกลามเข้าใกล้ถังบรรจุเคมีขนาด 20,000 ลิตรหรือ 30 ตัน ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของโรงงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าฉีดน้ำสกัดได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันสีดำที่เกิดจากการเผาไหม้เม็ดโฟมจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ระดมน้ำยาโฟรมเข้าทำการฉีดสกัด แต่ไม่เป็นผล เนื่องจากลมมีการเปลี่ยนทิศตลอดเวลา


นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่ เกิดเหตุ จากการประเมิลสถานการณ์คาดว่าไม่น่าจะปล่อยภัยเนื่องจากเปลวไฟยังลุกโหมอย่างรุนแรงและเข้าประชิดตัวถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่ของโรงงาน จึงได้มีการประกาศให้ประชาชน ทั้งหมดที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรทำการอพยพ ออกจากพื้นที่


เนื่องจากเกรงหากควบคุมเพลิงยังไม่ได้ถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่ อาจเกิดการระเบิดได้ชาวบ้าน และประชาชนจะได้รับอันตราย จึงได้สั่งอพยพประชาชนทั้งหมดออกจากพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนต่างพากันแตกตื่นและเร่งอพยพออกจากบ้านโดยได้รับร่วมมือจาก เจ้าหน้าที่อาสาและมูลนิธิต่าง ๆ ที่ระดมกำลังกันมาช่วยกันขนประชาชนออกนอกพื้นที่อย่าง เร่งด่วนเพื่อความปลอดภัย โดยได้มีการจัดเตรียมสถานที่เอาไว้ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ข้างที่ทำการ อบต.บางพลีใหญ่ และลานดินข้างมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมทั้งลานด้านหน้าโรงเรียนบางพลีอนุสรณ์ ไว้รองรับ ก่อนลำเลียงประชาชนออกจากพื้นที่เกิดเหตุ


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า จากการตรวจเบื้องต้นพบว่า มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ได้แก่ สารสไตรีนโมโนเมอร์ ซึ่งเป็นตัวทำละลายและเป็นสาร ไวไฟในกลุ่มอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Aromatic Hydrocarbons) สาเหตุเกิดจากถังเก็บสารเคมีขนาดไม่น้อยกว่า 2,000 ลิตร เกิดเพลิงไหม้และระเบิดขึ้น


ส่งผลให้มีไอระเหยของสารสไตรีน และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) กระจายออกไป โดยรอบในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร โดยเฉพาะด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโรงงานซึ่งเป็นด้านท้ายลมในช่วงเช้า บริเวณแถบถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงดอกไม้ เขตประเวศ ทิศทาง ลมมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา


โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรให้เตรียมการ อพยพ และโยกย้ายประชาชนในรัศมี 2 กิโลเมตร จากโรงงานไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เนื่องจากหากไม่สามารถควบคุมเพลิงได้อาจลุกลามไปยังถังบรรจุสารเคมีขนาดใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงจนเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาได้


เวลา 12.00 น. ไฟได้เกิดปะทุขึ้นมาอีก เนื่องจากมีสารเคมีเกิดการรั่วไหลออกมา ทำไฟลุกโหมขึ้นอีกครั้งทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังฉีดน้ำสกัดเพลิงถูกไฟคลอกทั้งตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 3 ราย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย คือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ พอส อายุ 19 ปี ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ถูกลำเลียงส่งรักษาที่โรงพยาบาลสนาม อบต.บางพลีใหญ่ จำนวน 2 ราย และถูกส่งโรงพยาบาลรามา สมุทรปราการ 1 ราย


แฟนสาวของ จนท.ดับเพลิงที่เสียชีวิต เผยว่า ขณะที่แฟนหนุ่มทำหน้าที่ดับเพลิงอยู่นั้น ตนนั่งรออยู่ในรถเพราะเห็นว่ามันอันตรายจึงงไม่เข้าไป จากนั้นมีคนมาแจ้งว่าแฟนประสบเหตุการณ์ดังกล่าว เห็นสภาพเขานอนตายคว่ำหน้า เหตุนี้มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย แฟนหนุ่มเป็นคนหักโหมงาน ก่อนเกิดเหตุเขาบอกกับตนว่าจะมาให้ได้


จนท.ดับเพลิงที่ปฏิบัติงานกับผู้เสียชีวิตขณะเกิดเหตุ เล่าว่า จุดที่ผู้เสียชีวิตอยู่นั้น เป็นจุดที่ใกล้บ่อน้ำมันที่สุด ปรากฎว่าน้ำมันวาร์ปใส่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง บางคนวิ่งออกมาทัน บางคนไฟลุกติดชุดดับเพลิงออกมา บางคนโดนไฟเบิร์นตามตัว เวลานั้นมีนักดับเพลิง 6-7 คน ยืนกระจายปีกซ้ายปีกขวา โดยพอสยืนถือหัวฉีด อยู่ด้านขวาหันหน้าเข้ากองไฟ ระหว่างนั้นไม่ใช่เป็นการระเบิดซ้ำ แต่เป็นไฟที่ไหลมากับน้ำ พอว๊าปน้ำมันก็ทะลักออกจากบ่อ ล้นไหลมาน้ำ เพราะใช้น้ำคู่กับโฟมเพื่อฉีดสกัด รอจนไฟที่วูบมาไหม้หมดจึงได้พบศพน้องพอส


14.52 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำรถกู้ภัยสารเคมีพร้อมโฟมและกำลังเจ้าหน้าที่ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถึงที่เกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่ในที่เกิดเหตุ ประมาณ 80 คน รถดับเพลิง จำนวน 38 คัน และโฟม จำนวน 320 ถัง ปฎิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขณะนั้นในที่เกิดเหตุมีแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมาก


นอกจากนี้เพจออนไลน์นำเสนอข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว พบว่า มีถังสารเคมีอยู่ใต้ดิน อีก 5 แสนลิตร กำลังปะทุและลุกไหม้ โดยอ้างข้อมูล มาจาก ปภ. ซึ่งนายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปฏิเสธว่า เบื้องต้น กรม ปภ.ไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ และข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ออกมาจาก กรม ปภ. ขณะที่เจ้าหน้าที่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่าบริษัทดังกล่าวได้ขออนุญาตมีรายการวัตถุดิบในครอบครองกว่า 9600 ตัน


15.00 น. เฮลิคอปเตอร์ KA-32 ซึ่งกองทัพบก ร่วมกับ ปภ. ส่งเข้าสนับสนุนภารกิจระงับเหตุไฟไหม้ ใช้น้ำ 3,000 ลิตร ผสมเคมีโฟม ขึ้นบินเพื่อโปรยดับเพลิงบริเวณจุดที่ตั้งโรงงานพลาสติก โดยวางแผนและประเมินสถานการณ์การขึ้นบินเป็นระยะ โปรยสารเคมีโฟมแบบเต็มพื้นที่ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานภาคพื้นดินเข้าฉีดพ่นโฟมดับเพลิงเสริมอีกทางหนึ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงระเบิดทำให้โรงงานในละแวกใกล้เคียงและบ้านเรือนประชาชนร่วมทั้งหมู่บ้านหรูที่อยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร หลายร้อยหลังคาเรือนได้รับความเสียหาย กระจกฝ้าเพดานรวมทั้งหลังแตกกระจายล่วงลงมา



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/UCI8wKzmNfc

คุณอาจสนใจ

Related News