เผยภาพนาทีกองปราบบุกเข้าจับกุมแก๊งโจรเรียกค่าไถ่ 2 ล้านบาท คาบ้านเช่าได้ 4 คน และช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างปลอดภัย

ภาพเหตุการณ์ กำลังตำรวจกองปราบ กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม บุกเข้าจับกุมแก๊งโจรเรียกค่าไถ่ 4 คน และช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งเป็นผู้ชาย 2 คน ออกมาได้อย่างปลอดภัย เหตุเกิดที่บ้านเช่าเลขที่ 49/3 หมู่ 5 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (15 มิ.ย.2564)

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาเรียกค่าไถ่ได้ทั้งหมด 4 คน คือ นายอรรถพนธ์ เดชะ อายุ 33 ปี , นายอภิสิทธิ์ นิคม อายุ 26 ปี ,นายสุทธิรักษ์ บริรักษ์ อายุ 25 ปี และนายสิทธิพงศ์ บุญสง อายุ 29 ปี พร้อมของกลางปืน.38 เครื่องกระสุนขนาดต่างๆ รวม 80 นัด โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กุญแจมือ 3 คู่ โซ่ 2 เส้น ยาไอซ์ ยาบ้า และกัญชาอีกจำนวนหนึ่ง

ส่วนตัวประกันซึ่งเป็นชาย 2 คน ปลอดภัยดี ทราบชื่อ นายจาฎพันธุ์ เจตจริยานนท์ และนายรุสดี ปูเตะ คาดสาเหตุเบื้องหลังของการอุ้มเรียกค่าไถ่ จากการสอบสวนพบว่า เกี่ยวพันกับเรื่องยาเสพติด

โดย นายจาฎพันธุ์ ถูกเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 2 ล้านบาท ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มมาจากรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง ส่วน นายรุสดี ถูกเรียกค่าไถ่ 1.8 แสนบาท ถูกหลอกให้เดินทางมาจาก จ.ปัตตานี และระหว่างที่ทั้ง 2 คน ถูกจับตัวเอาไว้ได้ถูกปิดตาล่ามโซ่ และทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ ทางตำรวจกองปราบได้รับแจ้ง และประสานขอความช่วยเหลือจากญาติของนายจาฎพันธ์ 

ขณะที่ ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน รับสารภาพว่า รับจ้างจากนายทุนยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่ง ให้จับตัวผู้เสียหายทั้ง 2 คนมาเรียกค่าไถ่ เนื่องจากทั้ง 2 คนติดค้างเงินค่ายาเสพติด และยังยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยรับงานทวงหนี้นอกระบบ และจับคนมาเรียกค่าไถ่ในพื้นที่ภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว

เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาครอบครองยาเสพติด ก่อนจะส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดี

สำหรับประวัตินายอรรถพนธ์ เดชะ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม และเป็นหัวหน้าแก๊ง พบเคยเป็นตำรวจยศ "สิบตำรวจตรี" ก่อนถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 2558 ความผิดฐานขาดราชการเกิน 15 วัน จากนั้นผันตัวเข้าสู่วงการค้ายาเสพติด ก่อนถูกจับดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนและระเบิด ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี พ้นโทษออกมาเมื่อเดือน ก.ย. 2563 แต่หลังพ้นโทษยังมีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

นอกจากนี้ยังมี ทหารยศ สิบเอก สังกัดพื้นที่ภาคใต้ร่วมขบวนการนี้ด้วย สอดคล้องกับคำให้การของกลุ่มผู้ต้องหาที่ซัดทอดว่า ทหารคนดังกล่าวเป็นคนรับงานต่อจากนายทุนยาเสพติด ก่อนมาว่าจ้างผู้ต้องหาทั้ง 4 คนก่อเหตุดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานขยายผลเอาผิดผู้จ้างวาน และผู้ร่วมขบวนการคนอื่นต่อไป