ปราจีนบุรี - จากกรณี มีประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนบนถนนทางหลวงสาย 304 บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถบรรทุกพ่วงขับปาดไปมาอย่างหวาดเสียว โดยเหตุการณ์ เกิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ผู้โพสต์ระบุว่า เริ่มจากหน้า รพ.เกษมราษฏร์ เขตพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ มุ่งหน้ากบินทร์บุรี จะไป โคราชครับ

ภาพในคลิป จากกล้องหน้ารถ ผู้โพสต์ว่า พ่วงคันที่ 1.ได้ขับปาดหน้ารถผมซึ่งอยู่เลนส์ขวาสุดกะทันหัน (เพื่อหลบหลุม) ผมเลยเเซงซ้ายไปให้กล้วยมันครับ ซึ่งทำให้คันที่ 1. โมโห มันได้โทรบอก รถพ่วงอีก 2 คัน ซึ่งอยู่ข้างหน้ารถผม ให้เเกล้ง เเละ ไม่ให้ผมเเซง( ถ้ามีคลิปยาวคือมันจะเอารถล่องกลางถนนให้ได้) #ไม่ใช่คันที่ผมให้กล้วย " มันโมโห เเทนเพื่อน #มันมา3คัน พอผมเเซงคันที่เรื้อยเป็นงูได้ ก้อเจอ รถพ่วงคันที่ 3 คราวนี้รถพ่วงคันที่ 3 ได้จอดรถ ล้อหยุดสนิทขวางถนน 2 เลนส์ เพื่อให้ 2 คันที่ตามมา ได้เเซง ไหล่ทางด้านซ้ายขึ้นไป ซึ่งเหตุการณ์นี้มันอุกอาจมากๆครับ ทำให้รู้สึกว่า คนใช้รถเล็ก ไม่มีความปลอดภัยเลยจริงๆครับ #ท่านใดมีคลิปหน้ารถ ผมขอไว้เป็นหลักฐานเพิ่มด้วยนะครับ

จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ ที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในพื้นที่ ม10 ต.ท่าตูม อ..ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี หน้าบริษัทไทยกาเม้นท์ ถนนสาย 304 ศรีมหาโพธิ มุ่งหน้า กบินทร์บุรี ซึ่งถนนเส้นนี้ เลนซ้ายนั้นส่วนใหญ่จะมีพื้นผิวจราจร ขรุขระ จะไม่ค่อยมีรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะวิ่งเลนขวายาว ไม่ว่าจะเป็นรถเล็กหรือรถใหญ่ จะแช่ขวาตลอด จึงทำให้การรักษากฎจราจรที่ว่ารถขับช้าวิ่งซ้าย เลนขวาสำหรับรถแซงเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังสำนักงานขนส่งปราจีนบุรี เหตุการณดังกล่าวได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และกำลังตรวจสอบหมายเลขทะเบียน เพื่อเรียกตัวคนขับรถบรรทุก นายชาญชัย ก้อนสันทัด นักวิชาการสำนักงานส่งปราจีนบุรี กล่าวว่า ตรวจสอบพบเป็นความผิดจะมีหนังสือเรียกผู้ประกอบการขนส่งให้ส่งคนขับรถมาชี้แจงข้อเท็จจริงและลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายชาญชัย กัอนสันทัด ขนส่งจังหวัดปราจีนบุรี ว่าทางตำรวจทางหลวงนำตัวผู้ขับขี่รถพ่วงพร้อมนายจ้าง มาให้ข้อมูลกับทางขนส่ง กรณีนี้ ความผิดที่ปรากฏของคนขับรถดังกล่าว ได้นำพระราชบัญญัติ จราจรทางบก คือ “ขับรถในลักษณะไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของคนอื่นๆ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 บาทไม่เกิน 10,000 บาท” ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการทำงานร่วมกับขนส่งจังหวัดปราจีนบุรี ในการติดตามเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ขับขี่ประสานมาสอบถึงสาเหตุเรื่องข้อเท็จจริง

ส่วนเบื้องต้น ทางขนส่งจังหวัดปราจีนบุรี ได้เปรียบเทียบปรับ ผู้ขับขี่เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท โดยที่ส่วนอื่นนั้นเกินอำนาจหน้าที่ จึงได้ส่งตัวไปส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ให้แจ้งความเอาผิดผู้กระทำผิด โดยทางขนส่งจังหวัดปราจีนบุรี จะทำการพิจารณา ระงับ ใบขับขี่ของผู้ขับขี่ดังกล่าวต่อไป และจากการตรวจสอบผู้ขับรถและผู้ประกอบการได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบของกรมการขนส่ง อย่างไรก็ตามทางขนส่งได้ดำเนินการเกี่ยวกับตัวรถคันดังกล่าวและเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท

หลังจากนั้นทางตำรวจทางหลวงได้นำตัว นายประมวล ภูโคกยาง คนขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่ก่อเหตุขับรถบรรทุกน้ำมันเอทานอล ส่ายไปมาบนถนนสาย 304 เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ต. จักรพล ใจเชื่อม พนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ หลังจากที่มีคลิปขับรถหวาดเสียวบนท้องถนนได้เผยแพร่ในโลกโซเชียล และได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ในเบื้องต้นจากการสอบถาม นายประมวล เป็นคนขับรถคันที่ 2 กล่าวว่า ตนได้ขับรถมาด้วยกัน 3 คัน ตอนนั้นพี่ของตนขับอยู่คันที่ 3 ขับอยู่เลนซ้ายพอมาถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ 304 พี่ของตน ได้ขับเปลี่ยนเลนมาอยู่เลนขวา เนื่องจากผิวการจราจรเลนซ้ายมีผิวการจราจรขรุขระ ตอนพี่ผมอยู่เลนซ้ายเขาจะขึ้นแซงแต่ไม่ได้แซงเขาจะแซงขึ้นมาด้านขวาเขาแซงไม่ได้เขาเลยแซงซ้าย แล้วได้เปิดกระจกให้กล้วยพี่ของตนแล้วมาชูนิ้วกลางแล้วก็ตะโกนด่าต่างๆนาๆไปตามถนน

ตอนนั้นผมกับพี่ผมได้คุยโทรศัพท์กันอยู่ผมก็เลยถามพี่ว่ามันเกิดอะไรพี่ก็เลยเล่าให้ผมฟัง พอเขาขับมาถึงรถของผมด้วยความที่ผมโมโหแทนพี่ผมก็เลยไม่ให้เขาผ่านเพราะว่าทำไมไม่ลงมาคุยกัน ทีนี้เขาก็เลยไปจอดกลางถนนผมก็ไม่จอดก็เลยไปจบกันที่ สภ.กบินทร์บุรี จะไปขอโทษ ทางนั้นเขาบอกว่าถ้าอยากจะให้จบก็เอาเงินมาหนึ่งหมื่นไม่มีปัญญาก็ให้เถ้าแก่มากราบตีนกู ตนรู้ว่าตัวเองผิดจึงได้ขอโทษเขาไปแล้วแต่ทางแฟนเขาไม่ยอม ตนอยากจะบอกกับสังคมว่าอย่าไปทำแบบนี้มันไม่ดีเพราะรถใหญ่ไม่มีหลักฐานมันก็ผิดอยู่แล้ว แล้วเหตุเกิดในครั้งนี้ก็เป็นอารมณ์ชั่วสูบของตนแต่ก็ไม่น่าจะไปให้กล้วยเขา

ทางด้านของพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา ในฐานความผิดกีดขวางการจราจรโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินในลักษณะที่ผิดวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้า หรือด้านหลังด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 ด้าน ไม่พอแก่ความปลอดภัย ขับขี่ค่อมหรือทับเส้นทาง หรือแบ่งช่องทางเดินรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยด้วยความเดือดร้อนของผู้อื่น หลังจากพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จแล้วหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวส่งฟ้องศาลต่อไป