แขวนเสื้อช็อปหน้าเมรุเผา 'น้องปลื้ม' เพื่อนซัดรุ่นพี่ใจดำเหมือนหมา กว่าจะมาขอขมา แฉมี 'ผู้หญิง' ร่วมวงเวียนเตะ

อาชญากรรม

แขวนเสื้อช็อปหน้าเมรุเผา 'น้องปลื้ม' เพื่อนซัดรุ่นพี่ใจดำเหมือนหมา กว่าจะมาขอขมา แฉมี 'ผู้หญิง' ร่วมวงเวียนเตะ

โดย thichaphat_d

11 มิ.ย. 2564

13K views

กรณีนายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือ น้องปลื้ม อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 คณะวิศวกรรมโยธามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (อุเทนถวาย) รุ่น 89 เสียชีวิตจากการถูกรุ่นพี่ปี 2 รุ่น 88 ทำร้ายด้วยการเรียงคิวเตะหน้าอก สาเหตุเพราะน้องในฐานะหัวหน้าห้องแต่ไม่ออกความเห็นเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมรับน้อง เบื้องต้นผู้ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่ 12 คน รับสารภาพก่อเหตุจริง


เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.) ทางครอบครัวได้ทำพธีฌาปนกิจศพน้องปลื้ม ที่บ้านเกิด ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ มีการนำเสื้อช็อปของน้องปลื้มไปแขวนไว้บริเวณหน้าเมรุเผาศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติและบรรดาเพื่อน ๆ ที่ไปร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย นอกจากนี้มีอาจารณ์มหาวิทยาลัยฯ ดังกล่าวไปร่วมงานเผาศพด้วย ไร้เงารุ่นพี่ทั้ง 2 คน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคืนวันที่ 9 มิ.ย. สวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนสุดท้ายก่อนจะฌาปนกิจศพนั้น เมื่อเวลา 21.30 น. รุ่นพี่ 12 คน (มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย) ที่เวียนเตะน้องปลื้ม ได้เดินทางไปจุดธูปไหว้กราบขอขมาศพน้องปลื้ม ต่อหน้านางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 57 ปี แม่น้องปลื้ม ท่ามกลางญาติและเพื่อนของน้องปลื้ม โดยกลุ่มรุ่นพี่ทั้ง 12 คน ยังได้นั่งยกมือไหว้กราบขอขมาครอบครัวน้องปลื้ม กลุ่มรุ่นพี่นั่งนิ่งคอตกได้เพียงขอโทษ อ้างว่าที่ทำไปไม่ได้ตั้งใจให้ถึงชีวิต


ขณะที่แม่น้องปลื้ม ถามถึงการกระทำดังกล่าวว่ารุนแรงไปหรือไม่ “ถ้าเป็นเขาเป็นเราโดนแบบนี้พ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน” หลังจากนี้คงจะต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไป โดยกลุ่มรุ่นพี่ 12 คน ใช้เวลาอยู่ในงานประมาณ 15 นาที ก่อนจะขอเดินทางกลับ


นายวีรพงษ์ ตามกลาง พี่ชายน้องปลื้ม กล่าวว่า หลังจากเผาก็จะทำพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนคดีต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงเวลานี้ครอบครัวมั่นใจว่าน้องปลื้มจะได้รับความยุติธรรมแล้ว ตนเข้าใจความรู้สึกของรุ่นพี่ที่ก่อเหตุระหว่างมาขอขมา ที่ทำผิดพลาดจนทำให้น้องต้องเสียชีวิต อยากจะให้คิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำแล้วคิด ฝากถึงผู้ปกครองเด็กหากจะส่งบุตรหลานไปเรียนควรจะศึกษาว่าสถานบันนั้น ๆ จะคุ้มครองลูกบุตรหลานของท่านได้หรือไม่


ขณะที่เพื่อนของน้องปลื้ม ระบุด้วยความคับแค้นใจว่า “กว่าจะพากันโผล่หน้ามาก็จวนจะเผา ร่างเกือบจะกลายเป็น เถ้าถุลี แต่ก็ยังดีที่ยังกล้าออกมาขอขมาศพ กล้ามากราบเท้าพ่อแม่ญาติพี่น้องปลื้ม สำหรับคนที่ขึ้นชื่อว่าร่วมกันฆ่าปลื้ม พวกมึงโชคดีมากที่ไม่โดนรุมประณาม จากญาติ จากเพื่อนพ้อง ที่เขาก็ รักชีวิตของลูกหลานของเพื่อนเขา พวกมึงยังโชคดีที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่างในขณะที่เพื่อนกูทำไม่ได้แล้ว”


เพื่อนของน้องปลื้ม ยังระบุอีกว่า “มึงยังมีโอกาสออกมาพบเจอพ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง ในขณะที่เพื่อนกูกำลังจะกลายเป็นแค่คนในความทรงจำ พวกมึงมันใจดำ ใจดำเหมือนหมา ใจพวกมึงมันส้นตีน ใจพวกมึงทำด้วยอะไร ในขณะคนร่วมกันในแก๊ง ต่างมีเพศแม่ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพศที่อ่อนโยน และควรจะต้องเข้าถึงหัวอกของคนเป็นแม่ด้วยซ้ำ ทำไมถึงกล้าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”


“เพื่อนกูไปทำอะไรให้พวกมึง ทำไมถึงทำกับมันขนาดนี้ อย่าไปทำแบบนี้กับใคร ทุกคนมันก็รักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น ขนาดพ่อแม่มึงเขาก็ยังรัก ยังทะนุถนอมมึง พ่อแม่เพื่อนกูก็เช่นกัน กว่าจะเลี้ยงให้เติบโต พ่อแม่เขาก็เฝ้าฝันว่าวันหนึ่งลูกจะเรียนจบ มีงานดี ๆ ทำเขาจะได้พึ่งพาลูกเขาต่อไป และต่อจากนี้มันคงเป็นได้แค่ฝัน ที่ไม่อาจลบเลือนจากหัวใจได้เลย”


ความคืบหน้าคดีเมื่อวานนี้ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกครั้งที่ 1 กับรุ่นพี่และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจมากกว่า 12 คน หากพบว่ามีพยานหลักฐานเกี่ยวโยงไปถึง หากยังไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หากยังไม่มาพบก็จะออกหมายจับในทันที อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อเข้าให้ปากคำจากฝั่งรุ่นพี่แต่อย่างใด


ส่วนจะออกหมายจับได้ทันทีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานรวมทั้งต้องรอผลการรักษาจากโรงพยาบาลหัวเฉียว และผลการชันสูตรพลิกศพจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และยังต้องสอบปากคำให้เสร็จก่อนว่าใครเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน เพราะคดีมีอัตตราโทษสูง


พ.ต.อ.พันษา เผยอีกว่า คดีนี้จะกระจ่างชัดก็เมื่อบุคคลในที่เกิดเหตุ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ให้การตามข้อเท็จจริง ซึ่งหากมีใครให้การเท็จก็จะถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายในข้อหาให้การเท็จอีกด้วย และหากพบว่าสถาบันมีการปกปิดข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องตัวเลข และจำนวนของผู้ที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมกิจกรรมตำรวจก็จะแจ้งความดำเนินคดีเช่นเดียวกัน


ขณะนี้ตำรวจได้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ,อาจารย์ ,นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ มาสอบปากคำบันทึกคำให้การไว้เป็นหลักฐาน กรณีที่มีพยานบางรายเกรงกลัวการเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำนั้น ตำรวจยืนยันว่าจะให้ความปลอดภัยและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงอยากให้ทุกคนช่วยให้ข้อมูลเพื่อทำความจริงให้ปรากฏและหาผู้กระทำผิดถูกลงโทษ


ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์พรชัย อัจฉริยเมธากร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ระบุ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ เผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เตรียมตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นรุ่นพี่ทำร้ายรุ่นน้องเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ กับต่อสื่อมวลชนเพื่อให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเนื้อหาและรายละเอียดขณะนี้อยู่ระหว่างประชุมหารือกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ ถึงแนวทางทั้งหมดหากได้ข้อสรุปก็จะแจ้งวันเวลาอีกครั้ง


ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ทางมหาวิทยาลัย ยังไม่มีการแจ้งข้อหาบุกรุกเคหะสถานกับกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปกป้องแต่อยู่ระหว่างการหารือถึงข้อกฎหมาย ส่วนความผิดที่นักศึกษารุ่นพี่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทำให้รุ่นน้องเสียชีวิตนั้น มีโทษถึงให้ออกจากสถานะการเป็นนักศึกษา โดยระหว่างนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาเสนอต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยฯเพื่อเป็นผู้พิจารณา อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัยจะไม่มีการปกปิดข้อมูล พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจในทุกประเด็นที่ต้องการให้เหตุการณ์มีความกระจ่างและยุติธรรม


สำหรับกระแสข่าวที่ว่าทางครอบครัวผู้เสียชีวิตติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัย ได้พูดคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตถึงแนวทางการเยียวยาและช่วยเหลือแล้ว เบื้องต้นจากการพูดคุย ครอบครัวไม่ได้ติดใจอะไรและขอให้เป็นเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/qVnDBm3V6WY


คุณอาจสนใจ

Related News