กระทรวงการคลังสหรัฐสั่งเจ้าหน้าที่เปิดการสอบสวนอย่างเร่งด่วนต่อกรณีที่ สื่อสหรัฐฯ ได้รายงานเปิดเผยว่า มีมหาเศรษฐีระดับท็อปของอเมริกาหลายคน และเป็นคนที่มีชื่อเสียง จ่ายภาษีเงินได้น้อยกว่าคนทั่วไป และสามารถหลีกเลี่ยงระบบภาษีได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยในจำนวนนี้มีทั้ง เจฟ เบซอส เจ้าพ่ออะเมซอน , อิลอน มัสก์ เจ้าของเทสลา รวมไปถึงจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินของโลก และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังด้วย

สำนักข่าวโปรพับลิกา (ProPublica) รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า มีเศรษฐีอเมริกันมากถึง 25 คน ที่จ่ายภาษีต่ำกว่าที่ควรจะจ่าย โดยจ่ายภาษีเงินได้เพียงเฉลี่ย 15% เท่านั้น โดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่จ่ายน้อยกว่าแรงงานอเมริกันทั่วไปเสียอีก และยังพบว่าในบางปี คนเหล่านี้แทบไม่จ่ายภาษีเงินได้เลย

โปรพับลิกา กล่าวหานายเบซอส ซีอีโอของบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง แอมะซอน ว่า ไม่จ่ายภาษีเงินได้เลยในปี 2550 กับปี 2554 ขณะที่นายมัสก์ ซีอีโอของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เทสลา ไม่จ่ายภาษีเงินได้เลยในปี 2561

ขณะที่ตามข้อมูลจากนิตยสารฟอร์บส์ ชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุด 25 อันดับแรก มีรายได้เพิ่มขึ้นรวม 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2557-2561 แต่จ่ายภาษีเงินได้เพียง 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเดียวกัน 

นายเจสซี ไอซิงเกอร์ บรรณาธิการของ โปรพับลิกา ระบุว่า พวกมหาเศรษฐีสามารถหลีกเลี่ยงระบบภาษีได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย พวกเขามีความสามารถมากมายในการหาทางลดหย่อนภาษี หาเครดิต และใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบ รวมไปถึง ยังลดหย่อนภาษีได้มากมาย

การเปิดเผยของโปรพับลิกา มีขึ้นในขณะที่ มีการถกเถียงกันอย่างหนัก เรื่องภาษีที่คนร่ำรวยต้องจ่าย กับความไม่เท่าเทียบที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน มีแผนจะเพิ่มอัตราภาษีสูงสุด และเพิ่มภาษีจากการลงทุนเป็น 2 เท่า และเปลี่ยนแปลงเรื่องภาษีมรดก

อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ของโปรพับลิกาได้ข้อสรุปว่า แผนการของไบเดนนั้น จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ แต่คนรวยที่สุด 25 อันดับแรกนั้นจะแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย