พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ซึ่งถือเป็นวัน click off การฉีดวัคซีนเต็มรูปแบบ ตามที่ นายกรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมพูดคุยกับหน่วยงานส่วนภูมิภาค ผ่านระบบ Video Conference 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น และภูเก็ต

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงความเรียบร้อยในการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมไว้รองรับหาก พื้นที่ใดเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกล่าวย้ำว่า ทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างแน่นนอน ผ่านระบบที่นัดหมายไว้ ทั้งนี้งานใหญ่ย่อมมีปัญหาอยู่ที่จะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร

ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบอยู่แล้ว ยืนยันวัคซีนทยอยเข้ามาตามจำนวน ยอมรับปรับแผนการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามสถานการณ์เพื่อประชาชนทุกกลุ่ม และ ยอมรับห่วงครูที่จะเปิดโรงเรียน วันนี้มาฉีดถึง 5พันคน ยืนยันทุกคนจะได้รับวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ขอให้ระมัดระวังตัว รวมถึงการจำกัดพื้นที่การระบาด ไม่ให้กระจายออกไป วันนี้ได้พิจารณาเพิ่มฟ้าทลายโจร มาเสริม เป็นโอกาสให้สมุนไพรไทยก้าวหน้า เพิ่มมูลค่า ฝากสื่อช่วยกันชี้แจงให้เกิดความสำเร็จ ไม่อยากพูดมาก พูดหลายครั้งแล้ว

พร้อมบอกที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 3.5 ล้านโดส ทั้งวัคซีนแอสตราเซเนกา และซิโนแวค และเข้ามาเพิ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะต้องบริหารสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โดยมีการจัดสรรวัคซีนตามพื้นที่ต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และวันนี้อยู่ในขั้นตอนการฉีดเพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน โดยจะบริหารวัคซีนรายสัปดาห์และนำมาแจกจ่ายตามสถานการณ์ ทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีแสดงความเสียใจกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วมีปัญหาแต่ทุกคนทำงานกันอย่างเสียสละ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ คำว่าเต็มที่ก็คือเต็มที่ตามสถานการณ์ที่มีอยู่ปัจจุบันทั้งในประเทศ และสถานการณ์วัคซีนโลก เราจำเป็นต้องบริหารให้สอดคล้องกับความเสี่ยง อะไรที่ทุกคนไม่สบายใจตนต้องขอโทษ และจะทำให้ดีที่สุด พร้อมระบุทุกคนที่มาวันนี้ทำเพื่อคนไทยทุกคน แน่นอนว่าต้องมีปัญหาเพราะคนจำนวนมาก ซึ่งตนปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อยู่แล้ว

โดยศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้อย่างน้อยวันละประมาณ 10,000 คน ซึ่งสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายได้ที่กำหนดไว้ โดยได้เริ่มทดลองระบบในเบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา และจะเปิดบริการประชาชนจริงเต็มรูปแบบในวันนี่ 7 มิถุนายน 2564 ซึ่งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ไม่มีนโยบายให้บริการรูปแบบ Walk in เพี่อลดความแออัดและไม่แน่นอนของคิวฉีด

ขณะเดียวกัน ได้ลงนามกับบริษัท Johnson & Johnson เพื่อนำวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะต้องตกลงกับบริษัทผู้ผลิต ว่าจะส่งมอบได้จำนวนเท่าไหร่และช่วงไหน โดยรัฐบาลจะพิจารณากระจายวัคซีนไปยังทุกพื้นที่ โดยพิจารณาจากข้อมูล สถานการณ์ความจำเป็นและประมาณวัคซีนที่มีอยู่ในแต่ละเดือน

ด้านกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวเรื่อง “การเฝ้าระวังการกลายพันธุ์เชื้อไวรัสก่อโรคโควิด 19 ในประเทศไทย” ประเด็น สถานการณ์การกลายพันธุ์ในประเทศ การวิเคราะห์ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและผลกระทบของการกลายพันธุ์

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยข้อมูล การตรวจแยกสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 ขณะนี้พบ ร้อยละ 90 ของการตรวจกลุ่มตัวอย่างเชื้อในประเทศไทยพบเป็นสายพันธุ์อังกฤษ รองลงมา คือร้อยละ6 ของผู้ติดเชื้อพบเป็นสายพันธุ์อินเดีย จากแคมป์คนงานและลำดับที่3ที่พบผู้ติดเชื้อคือ สายพันธุ์ แอฟริกาใต้ ประมาณ26 รายจากที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส แต่อยู่ในการควบคุม นอกจากนั่นมีพบสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงในเขตพื้นที่รอยต่อชายแดน

ทั้งนี้จากการการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โควิด-19 พบว่าตลอดการแพร่ระบาดที่ผ่านมา พบมี 9 สายพันธุ์ที่เกิดการระบาดขึ้นในประเทศไทย

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/6XfguPtkmBg