ความคืบหน้าหลังจากที่ศาลให้ประกันตัวลุงพล ด้าน นายลิขิต เชื้อคนแข็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลกกตูม กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดมุกดาหารมอบหมายให้เป็นผู้กำกับดูแลนายไชย์พล วิภา หรือลุงพลว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนักว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 16.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดมุกดาหารโทรศัพท์มาหาโดยแจ้งว่าจะให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลลุงพล

ซึ่งในครั้งแรกตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าเหตุใดจึงไม่แต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ซึ่งลุงพลเป็นลูกบ้านให้เป็นผู้กำกับดูแลโดยตรงหรือมิฉะนั้นก็ให้กำนันตำบลกกตูมเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่น่าจะดีกว่าตน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ถามกลับมาว่ามีหมู่บ้านอะไรที่ใกล้กับบ้านกกกอกมากที่สุด ตนก็ตอบว่าบ้านกกตูมหมู่ 1 ใกล้ที่สุดเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เป็นผู้กำกับดูแลก็เหมาะสมแล้ว เพราะอยู่ใกล้ที่สุด ตนจึงได้ตกลงรับปฏิบัติหน้าที่

ตนก็มีความพร้อมอยู่แล้วรอเพียงเอกสารที่จะต้องใช้ในการรับรายงานตัว โดยเจ้าหน้าที่ศาลบอกว่าอีก 2-3 วันจะส่งเอกสารมาให้ว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ที่ทราบในเบื้องต้นก็คือลุงพลจะต้องมารายงานตัวทุก 12 วัน นับแต่วันที่ 4 มิถุนายน จนถึงขณะนี้ลุงพลก็ยังไม่ได้มาหาหรือติดต่อมาแต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาตนเคยพบกับลุงพลครั้งสุดท้ายเป็นเวลานานหลายเดือนมาแล้ว

ส่วนตัว "ยอมรับว่าหนักใจไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะเป็นคดีดัง" เเละที่สำคัญไม่ต้องการติดต่อกับคนต่างถิ่น ที่เข้ามาในพื้นที่ ทั้งแฟนคลับ ยูทูปเบอร์ และ สื่อมวลชน เนื่องจากห่วงสถานการณ์ การเเพร่ระบาดโควิด-19 ที่จะเข้ามาในชุมชน คดีนี้เป็นคดีเเรกที่ให้ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับเเต่งตั้งเป็นผู้ดูเเล โดยลุงพล จะต้องเข้ามาร่ายงานตัวที่ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนตัวเเล้วอยากให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 หรือ ผู้ใหญ่นิ่ม บ้านกกกอก เป็นดูเเลเพราะเป็นลูกบ้าน เนื่องจากขณะนี้มีความกังวลเรื่องโรคติดต่อโควิด-19 ที่จะเข้ามา โดยประสานไปยังสาธารณสุข อำเภอดงหลวง เข้ามาคัดกรองบุคคลที่เข้ามา เพื่อป้องกันโรคการระบาด จึงมีความเป็นห่วง เพราะในบ้านกกตูม ยังไม่มีผู้ติดเชื้อตั้งเเต่เกิดโรคโควิด-19

หลังจากตำรวจจากกรุงเทพ สื่อมวลชนจากกรุงเทพ เข้ามาในพื้นที่ รวมถึงบรรดายูทูปเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สาธารณสุขมีความกังวลเรื่องสถานการณ์โควิด19 เช่นเดียวกับลุงพล ที่มีความเสี่ยงเดินทางไปหลายจังหวัด และพบกับคนหลากหลาย เบื้องต้น จึงได้สั่งให้เด็กนักเรียน ในหมู่บ้านกกกอก และ ที่ใกล้ชิดกับลูกชายลุงพล หยุดการเรียน เเละเรียนทางออนไลน์ จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีความเสี่ยง โดยหลังจากนี้คนที่จะเข้ามาในพื้นที่จะต้องกักตัว 14 วัน มิเช่นนั้นทางสาธารณสุข จะดำเนินการตามกฎหมาย

ซึ่งทางสาธารณสุข แจ้งว่า ใครเข้ามาในพื้นที่เกิน 72 ชม. จะต้องกักตัว 14 วัน หากไม่ปฎิบัติตามก็จะดำเนินการตามกฎหมายพรบ.ควบคุมโรค เพราะพื้นที่ อ.ดงหลวง บ้านกกกอก บ้านกกตูม ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อโควิด และตัวของลุงพล ป้าแต๋น ก็เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ดังนั้นทางอำเภอก็แจ้งให้ปฎิบัติตามขั้นตอนคัดกรองโรคเช่นกัน

โดยลุงพล ป้าแต๋น ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า จะกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม และไม่กังวลใจเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ ยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้เป็นคนทำให้น้องชมพู่เสียชีวิต และจะขอต่อสู้คดี ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ส่วนสื่อจะมาเกาะติดชีวิตก็สามารถทำได้ ตนให้ความร่วมมือกับสื่อมาตลอดอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเข้าพบ กมธ.ร้องเรียนการทำงานของตำรวจชุดจับกุมในวันอังคารที่ 8 มิ.ย. ได้มอบหมายให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิดหรือทนายตั้ม เป็นคนดูแล และในเช้าวันนี้ (6 มิ.ย.) กลุ่มแฟนคลับลุงพลจะทำพิธีผูกแขนเอิ้นขวัญให้ลุงพล

นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา หรือ แม่น้องชมพู่ เปิดเผย ว่า หมดกำลังใจ รู้สึกผิดหวัง ไม่ใช่จากคำสั่งศาลที่ให้ประกันตัวลุงพล แต่เป็นศาลสังคมที่ตัดสินว่า ครอบครัวน้องชมพู่รับเงินเพื่อล้มคดีเป็นมวยล้มต้มคนดู ส่วนคำสั่งศาลเรื่องให้ประกันตัวก็เคารพการตัดสินใจเป็นดุลพินิจของศาลทั้งการออกหมายจับและการให้ประกันตัว บรรยากาศภายในห้องพิจารณาเมื่อวานนี้ 5 มิ.ย. แม่น้องชมพู่ยอมรับว่า ทนายตั้ม หรือ ทนายสิทธา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝั่งลุงพลเก่ง ฝีมือดีมาก ต่อสู้ให้ลูกความจนได้รับการประกันตัว

ส่วนตัวเองยังไม่รู้จะปรึกษาทนายที่ไหนมาช่วย สำหรับเรื่องคดีความปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเชื่อมั่นพยานหลักฐานที่ตำรวจมีจนนำไปสู่การออกหมายจับ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหลังจากกลับจากศาลได้บอกอะไรกับน้องชมพู่บ้าง คุณแม่น้ำตาคลอ บอกว่า พูดไม่ออก ผิดหวัง และแม่จะสู้ต่อไป

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/OarPmCP07UQ