สมุทรปราการ - นายไพศาล อินทรา อายุ 24 ปี และ นาย นที อินทรา อายุ 20 ปี สองพี่น้อง ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่ นายไพศาล และ นาย นที สองพี่น้องกำลังขี่รถจักรยานยนต์มาถึงกลางซอยดังกล่าว ได้มี 4 ชายฉกรรจ์ ขี่รถจักรยานยนต์ และนั่งซ้อนท้ายกันมาจำนวน 2 คัน ไล่ตามหลังมาก่อนที่คันแรกจะขี่เลยไปและเข้ามาปาดหน้า ส่วนรถจักรยานคันที่สองได้ขี่ขึ้นมาประกบ ก่อนที่ชายที่เป็นคนขี่จะแสดงท่าทางคล้ายถามอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะลงมือชกต่อย นาย นที ที่นั่งซ้อนท้ายจนตกจากรถและถูกรุมกระทึบ

ขณะที่ชายฉกรรจ์คนที่ 3 ที่ขี่รถขึ้นไปปาดหน้าได้วิ่งเข้ามาใช้มีดยาวประมาณ 50 เซนติเมตรเข้ามาไล่ฟันนายไพศาล ที่เป็นคนขี่หลายครั้งจนต้องทิ้งรถวิ่งหนีตายไปได้ระยะหนึ่งด้วยความเป็นห่วงน้อง จึงย้อนกลับมาพยายามจะเข้าช่วยน้องชายที่กำลังถูกชายฉกรรจ์ทั้งสามรุมกระทืบและใช้มีดกระหน่ำฟันอยู่ แต่โชคดีที่น้องชาย ลุกขึ้นตั้งหลักได้จึงได้พากันวิ่งหนีตายไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ส่วนผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.ของวันที่ 3 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดที่บริเวณกลางซอย 24 หมู่บ้านการเคหะเมืองใหม่บางพลี ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้สื่อข่าว

นายนที ผู้เป็นน้องชายที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บที่ถูกฟันที่ต้นขาข้างขวา และถูกต่อยจนเส้นฝอยในดวงตาข้างขวาแตกจนกลายเป็นสีเลือดในดวงตา ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษของวันที่ 3 มิถุนายน ตนและพี่ชายได้ชักชวนกันขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหาซื้ออะไรกินกันที่บริเวณปากซอย 24 หมู่บ้านการเคหะเมืองใหม่บางพลี โดยที่นายไพศาล ผู้เป็นพี่เป็นคนขี่ส่วนตนนั่งซ้อนท้าย ขณะที่ขี่มาได้ประมาณกลางซอยอยู่ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4 คันที่ขี่รถจักรยานยนต์และซ้ายท้ายกันมาจำนวน 2 คันไล่ตามหลังตนมา

โดยที่คันแรกได้ขี่แซงตนขึ้นไปปาดหน้า ส่วนคันที่สองได้ขี่ขึ้นมาประกบด้านข้างรถของ ก่อนที่ชายคนขี่จะหาว่าพวกตนปาขวดใส่ ซึ่งตนพี่ชายก็ปฎิเสทและบอกว่าตนทั้งสองไม่ได้ทำ แต่ชายที่เป็นคนขี่กลับไม่เชื่อและชกต่อยตนจนตกจากรถก่อนชายคนที่นั่งซ้อนท้ายมาจะลงมาช่วยกันรุมทำร้ายโดยในมือถือมีดปลายแหลมอยู่ ขณะเดียวกันชายคนที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันแรกที่ขี่ขึ้นไปปาดหน้ารถตน ได้วิ่งถือมีดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เข้ามากระหน่ำฟันใส่ตนหลายครั้ง จนกระทั่งตนตั้งหลักได้จึงได้วิ่งหลบหนี

นายไพศาล พี่ชายและเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ในวันที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์มาโดยมีน้องชายนั่งซ้อนท้ายเพื่อจะขี่ออกไปหาซื้ออะไรกินที่ปากซอยโดยมีการพูดเล่นกันมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงกลางซอย อยู่ ๆ ได้มีชายฉกรรจ์อายุประมาณ 20-25 ปี จำนวน 4 คนได้ขี่รถจักรยานยนต์และนั่งซ้อนท้ายกันมาจำนวน 2 คันได้ขี่แซงขึ้นไปปาดหน้ารถตน ส่วนอีกคันได้ขี่ขึ้นมากระกอบ และหาว่าตนไปขว้างขวดใส่ ซึ่งน้องชายตนที่นั่งซ้อนท้ายได้ปฎิเสทว่าไม่ได้ทำ จึงถูกชายที่เป็นคนขี่ชกใส่ใบหน้าจนตกจากรถ

ขณะเดียวกันชายคนที่นั่งซ้อยท้ายรถจักรยานยนต์ที่แซงขึ้นไปปาดหน้ารถของตนได้ถืออาวุธมีดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ปรี่เข้ามากระหน่ำฟันใส่ตนหลายครั้งโชกดีที่ตนยกเอาแขนซ้ายขึ้นมารับจึงถูกฟันที่แขนและนิ้วมือข้างขวาอีก 2 นิ้วที่ถูกฟันจนเกือบขาดส่วนแขนถูกฟันจะเป็นแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูก ก่อนที่ตนจึงวิ่งหนีตายออกมาได้ระยะหนึ่งเกิดเป็นห่วงน้องชายที่ถูกชายฉกรรจ์ทั้งสามกำลังรุมทำร้ายและใช้มีดกระหน่ำฟันอยู่

จึงได้วิ่นย้อนกลับมาเพื่อจะเข้าไปช่วยแต่โชกดีที่นั่งชายลุกขึ้นและวิ่งหนีตายอกมาได้จึงพากันวิ่งหนีตายมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง แต่ก็ดูเหมือนว่าตำรวจจะไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ ตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยไปขอไล่กล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุเพื่อเป็นหลักฐานเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน เพราะพวกตนรู้สึกกลัวมากเพราะมันฟันกะเอาตายเลย