เอกชนชี้ตามคาด รัฐไม่ล็อคดาวน์ แต่ตอนนี้ก็เหมือนล็อคแล้ว จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนให้คลุม70% ภายในไตรมาส 3 ขณะที่ อธิการบดี ม.หอการค้า คาดจีดีพีย่อตัวลงประมาณ 2%

โดย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ได้ผิดหวังที่รัฐบาลไม่ประกาศเคอร์ฟิวส์ หรือประกาศปิดประเทศ จากการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้นในระลอกที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ก็เหมือนเป็นการเคอร์ฟิวส์ไปในตัวแล้ว ประชาชนตื่นกลัวมากกว่าครั้งที่ผ่านมา

จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด และให้จัดหาวัคซีนให้เพียงพอ โดยต้องเร่งฉีดให้ได้ภายในไตรมาส 2 (เม.ย.–มิ.ย.) และภายในไตรมาส 3 (ก.ค.–ก.ย.) ควรคลอบคลุมประชากรคนไทย 70% และต้องประกาศกรอบเวลาให้ชัดเจน รวมทั้งประกาศแผนการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็น 8 ชนิด ให้ชัดทั้งช่วงเวลานำเข้า ปริมาณที่มาเพิ่ม และเวลาเริ่มฉีด

ขณะที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุว่า หากประเมินในมุมสถิติ ผลกระทบจากมาตรการของ ศบค.ที่ออกมา จะกระทบกับมูลค่าการใช้จ่ายผู้บริโภคในระยะเวลา 3 เดือน หรือเม.ย.–มิ.ย. ประมาณ 3-4.5 แสนล้านบาท ส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีย่อตัวลงประมาณ 2% แต่คาดว่าทั้งปีจีดีพีจะโตในกรอบใกล้เคียงเดิม 2-3 % เนื่องจากจะมีเม็ดเงินจากโครงการรัฐบาลมาเพิ่ม

ซึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็ยอมรับเช่นกันว่า จากที่นายกฯ บอกให้ทำจีดีพีให้ได้ 4% คงเป็นไปได้ยากแล้ว แต่ก็จะกัดฟันสู้ต่อไป

ทางด้าน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุถึงมาตรการเยียวยาว่า จะมีความชัดเจนในช่วงเดือนกรกฏาคม ในเบื้องต้นจะมีโครงการคนละครึ่ง เฟส3 และมาตรการที่ใช้อยู่ในขณะนี้คือ เราชนะ และ เรารักกัน ซึ่งสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคมนี้