สธ.ชงเพิ่มมาตรการคุมโควิด ปิดพื้นที่เสี่ยง-งดการรวมตัว-ทำงานที่บ้าน เร่งฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ครบ 100% ใน 1 เดือน

สังคม

สธ.ชงเพิ่มมาตรการคุมโควิด ปิดพื้นที่เสี่ยง-งดการรวมตัว-ทำงานที่บ้าน เร่งฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ครบ 100% ใน 1 เดือน

โดย kodchaporn_j

14 เม.ย. 2564

455 views

วันนี้ (14 เมษายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงผลการประชุมศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19


ว่าที่ประชุม ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอาจารย์แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและนอกกระทรวง มีการประชุมวางแผนรับมือโควิด-19 ใน 3 ประเด็น คือ


1.สถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกระจายไปทั่วประเทศ โดยมาตรการสำคัญที่ได้ทำไปแล้ว คือ การปิดสถานบันเทิง โดยมีการเสนอให้เพิ่มมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ทั้งการปิดพื้นที่เสี่ยง ยกเลิกกิจกรรมเสี่ยง การจัดงานที่มีคนจำนวนมากก เน้นให้ทำงานที่บ้าน ขอความร่วมมือประชาชนปรับเพิ่มพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ และจะเสนอให้ ศบค.พิจารณาต่อไป


2.การบริหารจัดการเตียงดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ขณะนี้ได้เพิ่มกลไกการทำงานให้บริหารจัดการเพิ่มเตียงมากขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์


3.เรื่องวัคซีนโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า ด้วยข้อมูลระบาดวิทยาและด้านวิชาการ วัคซีนนำมาใช้ในประเทศไทย ทั้งแอสตราเซเนกาและซิโนแวค มีประสิทธิภาพ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีข้อสั่งการให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่ และต้องฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขโดยเฉพาะด่านหน้าทั้งภาครัฐ และเอกชนให้ได้ 100%


นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 13 เม.ย. รวม 579,305 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 505,744 ราย และครบสองเข็ม 73,561 ราย ถือว่าฉีดได้ตามเป้าหมาย


ส่วนวัคซีนซิโนแวคอีก 1 ล้านโดส ซึ่งรอการตรวจทางห้องปฏิบัติการและเอกสาร คาดว่าจะส่งมอบให้กรมควบคุมโรคได้ใน 1-2 วันนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสั่งการให้จัดสรรวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน 6 แสนโดส โดยขอให้ดำเนินการฉีดให้ครบถ้วนภายใน 1 เดือน หรือต้องฉีดให้ครบทุกคนภายใน 2 สัปดาห์ เนื่องจากต้องฉีดคนละ 2 โดส


นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดในรอบนี้ ได้กระจายไปทั่วประเทศ มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องจากสถานบันเทิง และในกลุ่มนักศึกษาออกค่าย นักศึกษากลับภูมิลำเนา และพบการติดเชื้อในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าการทำกิจกรรมรวมกลุ่มในระยะนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อเป็นจำนวนมาก


หากทุกคนคนร่วมมือร่วมใจกันลดพฤติกรรมเสี่ยง งดเว้นการจัดกิจกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคในวงกว้าง นอกจากนี้ หลังจากเทศกาลสงกรานต์กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้หน่วยงานสาธารณสุขเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจคัดกรอง ติดตาม กำกับ กักตัว ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกคนให้ครบถ้วน ส่วนผู้ติดเชื้อแล้วต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ เอกชน Hospitel หรือโรงพยาบาลสนาม เท่านั้น


ถึงแม้อาการไม่มากแต่อาจเกิดอาการปอดบวมและภาวะแทรกซ้อนได้ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ลดโอกาสแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว และชุมชน ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานให้เข้มมาตรการองค์กร เช่น การสวมหน้ากากอนามัยให้ได้ 100% ในที่ทำงาน ไม่ให้รับประทานอาหารร่วมกัน จัดรูปแบบการทำงาน Work from Home ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานราชการทุกแห่งดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ


ในส่วนผู้ที่มีการเดินทางข้ามจังหวัดในทุกจังหวัด หากเป็นไปได้ให้ Work from Home อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อข้ามจังหวัด หรือหากกลับมาแล้วให้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ถ้ามีอาการผิดปกติให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุข โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทร 1422 นำเข้าสู่ระบบการรักษา เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็ว


สำหรับสถานที่ที่พบผู้ติดเชื้อขอให้เน้นการทำความสะอาดในจุดเสี่ยงที่มีผู้สัมผัสบ่อย เช่น ราวบันได กลอน ลูกบิดประตู ห้องน้ำ ปุ่มกดลิฟต์ ด้วยการเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องพ่นฆ่าเชื้อ ในอากาศเนื่องจากเชื้อไม่ได้อยู่ในอากาศเป็นเวลานาน ยกเว้นในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น อากาศไม่ระบาย การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในอากาศตลอดเวลาถือว่าเกินความจำเป็น




คุณอาจสนใจ

Related News