การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลไทย กลายเป็นประเด็นร้อนแรง หลังมีกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกไลฟ์ในหัวข้อ วัคซีนพระราชทานฯ : ใครได้-ใครเสีย? ตั้งคำถามว่า เหตุใดคนไทยได้วัคซีนช้า และไม่ครอบคลุมจำนวนประชากร ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะประมาทและไม่ได้ใส่ใจ ทำให้เกิดการเจรจาช้า และบริษัทเดียวคือ แอสตราเซนเนกา ซึ่งมีการจ้างบริษัทผู้ผลิตในประเทศไทยก็คือ สยามไบโอไซเอนซ์ โดยไม่มีการเจรจากับบริษัทอื่นเพิ่ม

 

กระทั่งจนเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา จึงมีการประกาศว่าได้มีการเจรจาชื้อวัคชีนเพิ่มกับซิโนแวค ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก คือ 2 ล้านโดส

 

นายธนาธร ยังแจกแจงว่า รัฐบาลไทยได้เซ็นสัญญาไปแล้ว 2 บริษัท คือ แอสตราเซนเนกา 26 ล้านโดส และซิโนแวค 2 ล้านโดส ซึ่งมีบริษัทที่กลุ่มซีพี เข้าไปถือหุ้นอยู่ 15.03%

 

พร้อมตั้งคำถาม การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อนุมัติข้อตกลงแบบนี้ จะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ถ้าวัคซีนมีการผลิตช้า กว่ากำหนดเวลา หรือมีปัญหาในการแจกจ่ายให้ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม หรือหากประชาชนเกิดอาการแพ้ หรือถ้ามีประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมาย นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา

 

ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอกกลับนายธนาธร  ระบุว่า มีการบิดเบือนทุกเรื่องทุกอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขอให้ทุกคนระมัดระวังในการนำเสนอข่าว ขู่เรื่องใดบิดเบือน ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแล้วนำมาเผยแพร่ ในสื่อหรือโซเซียล จะดำเนินคดีทุกเรื่อง

 

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หวดกลับนายธนาธร วิจารณ์ปมวัคซีนโยง บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ว่าเป็นพวกมือไม่พายก็อย่า..ราน้ำ ถามกลับรากฐานระบบ สธ.เข้มแข็งที่โลกยอมรับเพราะใคร แซะแรง อยากทำสิ่งที่ต้องการ ก็เข้ามาบริหารประเทศให้ได้ก่อน

 

ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ให้ทีมกฎหมาย พิจารณาในคำพูดของนายธนาธร ว่าส่อเจตนา จาบจ้วงสถาบัน หรือผิดกฎหมายตามมาตรา 112 หรือไม่และได้มีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จต่อนายกฯ และรัฐบาล ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเนื้อหาดังกล่าวเข้าข่ายมีความผิด จะเข้าแจ้งความที่ปอท.เพื่อดำเนินคดีกับนายธนาธร

 

 

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/9_-NbroWAjM