เปิดไทม์ไลน์ 2 สาวเชียงรายติดโควิด หมอยันยังไม่เข้าข่ายซูเปอร์สเปรดเดอร์

สังคม

เปิดไทม์ไลน์ 2 สาวเชียงรายติดโควิด หมอยันยังไม่เข้าข่ายซูเปอร์สเปรดเดอร์

โดย

1 ธ.ค. 2563

1.1K views

วันที่ 30 พ.ย. เปิดไทม์ไลน์ 2 หญิงไทย จ.เชียงราย อายุ 23 ปี และ 26 ปี ที่พบติดโควิด-19 เพิ่ม พบทำงานที่สถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เมื่อรู้ว่าหญิงเชียงใหม่ วัย 29 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนติดโควิด-19 จึงลักลอบกลับไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ และต่อมาพบว่าติดโควิด-19 เช่นเดียวกัน 

โดยที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 กรณีพบเชื้อโควิด-19 ใน 2 หญิงไทย จ.เชียงราย ที่เดินทางกลับจากประเทศเมียนมา

กรณีที่ 2 รายนี้ ไม่กักโรค 14 วัน  มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อขนาดไหน นพ.โสภณ ระบุว่า หากดูช่วงเวลาที่ 2 รายนี้ อยู่ใน จ.เชียงราย โอกาสการแพร่เชื้อค่อนข้างต่ำ เนื่องจากมีคนเกี่ยวข้อง ในกลุ่มความเสี่ยงสูงไม่มากนัก และส่วนใหญ่อยู่ในที่พัก แต่ต้องไม่ประมาท คนที่เกี่ยวข้องต้องกักตัว 14 วัน แต่เมื่อเทียบกับรายหญิงไทย อายุ 29 ปี จ.เชียงใหม่ ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้ รายนี้มีความเสี่ยงสูงมากกว่า เนื่องจากมีผู้สัมผัสกว่าร้อยคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งกรณีพบผู้ป่วยโควิด-19 คนไทยที่ลักลอบเข้าประเทศมาจากเมียนมา จำนวน 3 ราย ที่เชียงใหม่และเชียงราย ถือว่ามีความเสี่ยงเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ (super spreader) หรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วการจะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์นั้น จะมี 2 ทาง คือ ต้องมีเชื้อมาก และอยู่ในที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อ เช่น รถบัส สถานบันเทิง เป็นต้น

แต่กรณีเคสเชียงใหม่ที่ไปสถานบันเทิง จากการตรวจสอบยังไม่พบเชื้อ ซึ่งการจะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์จะมีการแพร่เชื้อจนมีการติดต่อโรค 10 รายขึ้นไป ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ไม่มีหลักฐานว่าเข้าข่ายซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่พฤติกรรมถือว่ามีความเสี่ยงเกิดซูเปอร์สเปรดดิ้ง อีเวนท์ (superspreading event)

เมื่อถามว่าการลักลอบเข้าเมืองในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค มีความผิดอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า โดยปกติการเข้าเมืองจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดโควิด-19 (ศบค.) คือ 1.ตรวจร่างกายและตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางเข้ามาในประเทศ เช่น Fit to Fly 2.มีใบอนุญาตจากสถานทูต 3.กำหนดสถานที่ วันและเวลาในการเข้าพักกันกันโรค

ดังนั้น การเข้ามาโดยลักลอบ จะผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ข้อกำหนดการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ (พ.ร.ก.) ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ เนื่องจากไม่ได้รายงานตัวก่อนเข้ามาในประเทศ ในกรณีนี้ไม่ได้เป็นการจงใจแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่น แต่เป็นการลักลอบเข้ามาในประเทศ

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/m5pgHcNXZ84

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ