เลือกตั้งและการเมือง

'ธนกร' ป้อง 'บิ๊กตู่' แนะ 'พิธา' ก่อนห่วงนายก ควรห่วงตัวเองก่อน จะได้ สส. กลับมาเท่าเดิมหรือไม่

โดย weerawit_c

8 ม.ค. 2566

221 views

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง สถานภาพของรัฐบาล ว่า ชัดเจนว่ามีความแตกแยก มีการเปลี่ยนเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่ยังอยู่ในระบอบประยุทธ์แบบเดิม ไม่สามารถพาประเทศ ไปสู่อนาคตได้ จึงคิดว่าขั้วพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเป็นคำตอบของประชาชน และในพื้นที่กทม. ก็เป็นเขตที่ได้รับความนิยมสูงมาตลอด ในปี 66 พรรคก้าวไกลจะเน้นแก้ไขปัญหา กทม.



ต้องยอมรับว่าปี 62 และปี 66 สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะ ช่วงหลังโควิด ความต้องการระบบสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงชัดเจน รวมถึงปัญหาเอสเอ็มอี แรงงาน การดังนั้นพรรค ก้าวไกล จึงมีนโยบายรัฐสวัสดิการและ นโยบายด้านแรงงาน นโยบายราชการก้าวหน้าต่อต้านคอร์รัปชั่น และ นโยบายด้านเศรษฐกิจ



ส่วนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัว โดยจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมเปิดตัวในวันที่ 9 มกราคมนี้ จะทำให้ได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ เพราะมีเสียง ส.ว. 250 เสียงรออยู่ในสภาแล้ว นายพิธา กล่าวว่า ไร้ราคา เพราะเป็นระบอบเดิม ผู้เล่นเดิม เหล้าเก่าในขวดใหม่ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะมาในรูปแบบนี้ เราความแตกแยกชัดเจนมาเป็นปีแล้ว และถ้าย้อนหลังไปดู การกระทำที่ผ่านมา ชัดเจนว่า ไม่สามารถที่จะไปต่อได้ และแยกกันชัดเจนแล้ว



พลเอกประยุทธ์อาจจะตกหลุมรัฐธรรมนูญตัวเองเขียนมาเอง ต้องมี ส.ส. ให้ครบ 25 คน ในระยะเวลาสั้นๆ พรรคจึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ แน่นอนเขาคงจะมีวิธีหรือการดึงอดีตส.ส. จากพรรคอื่นมาสังกัดเช่นนายสุชาติ ชมกลิ่น ที่จะย้ายเข้ามาสังกัด พร้อมส.ส. 7-8 คน และส.ส. อีกหลายเขตที่จะย้าย รวมถึงส.ส.เขตนี้ด้วย ซึ่งจากข่าวน่าจะไปกับพลเอก ประยุทธ์ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าจะได้ ส.ส. กลับมาจำนวนเท่าใด แต่ตนและสื่อมวลชนต้องไม่ประมาทพลังดูด อย่าให้เป็นประชาธิปไตยแบบกล้วย เพื่อที่จะให้ได้สสครบ 25 คน เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ เชื่อว่าคนที่เป็นอำนาจนิยมและเผด็จการจะทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองได้กลับมา แม้จะเป็นนายกฯคนละครึ่ง เพียงแค่2 ปี โดยไม่คำนึงถึงการแก้ปัญหาต่อเนื่อง ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะหาเสียงอย่างไร นายพิธา ย้ำว่าไม่ให้ราคา แต่ขณะเดียวกันจะไม่ประมาทเพราะต้องรู้เขารู้เรากับวิธีการของเขา



เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ขั้วพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค หลังเลือกตั้งอาจสวิงมาจับมือกับฝ่ายค้าน เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาขัดแย้งกันเอง นายพิธา กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตย เป็นปกติที่จะมีการจับขั้ว ต้องรอดู แต่ในส่วนอุดมการพรรคอื่นตนพูดแทนไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลมีอุดมการชัดเจนว่าตนมีคำตอบ สำหรับประชาชน



โดยวิธีการแบบใหม่ๆ ด้วยวิธีแบบก้าวไกล ซึ่งการรวมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ปัจจุบัน เป็นคำตอบให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว ส.ว. ไม่ควรจะขวาง แต่สิ่งที่ตนยืนยันมาตลอดกับสื่อฯ คือไม่ร่วม กลับพรรคทหารจำแลง ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือพรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้ซึ่งเป็นระบอบประยุทธ์ทั้งคู่ เราไม่จับมือร่วมงานด้วยอย่างแน่นอน เราไม่สามารถอยู่กับอุดมการณ์ในการสืบทอดอำนาจของทหารได้ จึงคิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านขณะนี้เป็นคำตอบ ที่ค่อนข้างชัดกับปัญหาความท้าทายของประเทศขณะนี้



ขณะที่วานนี้ (7 ม.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ไร้ราคา แค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ว่า คงเป็นความคิดจากประสบการณ์ตรงของนายพิธา เมื่อครั้งที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค แล้วก็ไหลมารวมกันที่พรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้เป็นพรรคใหม่ที่มีอุดมการณ์อะไรใหม่ๆ เลย นอกจากสานต่ออุดมการณ์เดิมจากแกนนำพรรคอนาคตใหม่



ซึ่งต่างจากท่านนายกฯ ที่วันนี้ลงพื้นที่แก้ปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ไหนก็ได้รับเสียงตอบรับและเรียกร้องให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ส่วนกรณีที่ระบุว่าท่านนายกฯ อาจจะตกหลุมรัฐธรรมนูญที่เขียนมาเอง เพราะต้องมี ส.ส.ให้ครบ 25 คนจึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้นั้น ถ้าหากนายพิธาเปิดใจกว้าง มองความจริงโดยไม่ใช้อคติก็จะพบว่า วันนี้แม้แต่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเองก็ยังเลิกหลงคารมนายพิธาแล้ว ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ว่าย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น เพราะทนปากที่พูดเหมือนจะรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชน แต่พฤติกรรมเห็นอยู่ทนโท่ว่าทำเพราะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงไม่ได้ใช่หรือไม่ ดังนั้น ก่อนที่จะห่วงคนอื่น นายพิธาควรห่วงตัวเองก่อนดีกว่าว่า ในการเลือกตั้งสมัยหน้าจะได้ ส.ส.กลับมาถึง 25 คนเพื่อสานฝันเป็นนายกฯ ได้หรือไม่



“คนที่มองคนเห็นต่างกับตัวเองว่า เป็นพวก ส.ส.ถูกดูด หรือเป็นประชาธิปไตยแบบกล้วยนั้น คนที่ดูถูกแม้กระทั่ง ส.ส.ด้วยกันเองแบบนี้ ไม่น่าจะมีวุฒิภาวะพอจะพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยได้แล้ว ประชาชนจะกล้าฝากความหวังให้เป็นนายกฯ ได้หรือ หน้าที่ของฝ่ายค้านไม่คิดทำ กลับไปวิ่งประกันตัวแกนนำหมิ่นสถาบัน คนแบบนี้หรือที่เสนอตัวมาเป็นรัฐบาลมาบริหารประเทศ เชื่อว่าประชาชนรอให้บทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้าอยู่อย่างแน่นอน”


https://youtu.be/kp7M4iK577g

คุณอาจสนใจ

Related News