เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ อารมณ์ดี เปิดเพลง 'อย่ายอมแพ้' - 'อ้อม' เจ้าของเพลง ลงสตอรี่ "อยากร้องเพลง ถอยดีกว่า"

โดย passamon_a

22 ม.ค. 2565

185 views

วันที่ 21 ม.ค.65 หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวสั้น ๆ กับสื่อมวลชนว่า ให้รอฟังการแถลงข่าว มีแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้น


ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงท้ายก่อนจบการประชุม ศบศ. พลเอกประยุทธ์ ได้เปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ เพลง 'อย่ายอมแพ้' ของ อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ พร้อมบอกกับที่ประชุมว่า "ผมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว" การเปิดเพลงเป็นเรื่องให้กำลังใจทุกคนที่ร่วมทำงานไม่แพ้ต่อปัญหาอุปสรรค เช่นเดียวกับนายก ที่ไม่เคยยอมแพ้ ทำงานเพื่อชาติและประชาชน


ซึ่งคาดว่าสาเหตุมาจากความขัดเเย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยเมื่อคืนนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ปล่อยคลิปเปิดใจหลังถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ส.ส. 20 คน ว่ายังนอนหลับสบาย แต่เป็นห่วงเพื่อน ส.ส. ในพรรคว่าใครจะดูแล เพราะที่ผ่านมาตนและ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นคนสนับสนุนดูแล ส.ส. ในการลงพื้นที่ และการที่ตนเป็นคนพูดตรงไปตรงมา อาจทำให้คนบางคนไม่ชอบ และไม่ยอมรับความจริง จึงตัดสินใจแยกกันอยู่ดีกว่า โดยจะไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ที่มีการเตรียมการมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งจะมีการเซอร์ไพรส์ด้วย


ทั้งนี้ ในเวลาต่อมา อ้อม สุนิสา เจ้าของเพลงอย่ายอมแพ้ ที่พลเอกประยุทธ์ เปิด ได้โพสต์ไอจีสตอรี่ ระบุข้อความว่า "อยากร้องเพลง ถอยดีกว่า วนไปเรื่อย ๆ"


นอกจากนี้ ส่อวุ่นหลัง สมศักดิ์​ พันธ์เกษม​ หนึ่งใน​ 21​ ส.ส. ทำหนังสือร้อง พลเอกประวิตร ทบทวนมติพรรคขับออก อ้างไม่เกี่ยวปรับโครงสร้างพรรคของ ธรรมนัส ชี้มติไม่ชอบด้วย รธน.


โดย นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งเป็น 1 ใน 21​ ส.ส. ที่พรรคพลังประชารัฐ มีมติขับออก ได้ยื่นหนังสือถึง​ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​ และหัวหน้าพรรค​ เพื่อขอให้ทบทวนมติพรรค​ พปชร. ที่ให้สมาชิกออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 19 ม.ค. โดยหนังสือดังกล่าวมีทั้งหมด 8 หน้า มีสาระสำคัญ


1. ข้าพเจ้าไม่เคยทราบและไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า​ ส.ส.พะเยา​ จะเสนอให้มีการปรับโครงสร้างขนานใหญ่ตามที่นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ รองหัวหน้าพรรค​แถลง​


2. ข้าพเจ้าไม่เคยเรียกร้อง​ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีส่วนร่วมใด ๆ ในการเสนอข้อเรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรคของร.อ.ธรรมนัส กับพวก


3. ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมีชื่อข้าพเจ้าเสนอต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมส.ส.เพื่อพิจารณาว่า ข้าพเจ้า และ ร.อ.ธรรมนัส​ และพวก รวม 21 คนเรียกร้องให้มีการปรับโครงสร้างพรรค


4. จากการแถลงข่าวของนายไพบูลย์ ปรากฏว่านายไพบูลย์กล่าวถึง​ ร.อ.ธรรมนัส แต่เพียงผู้เดียว ที่อ้างว่าหากไม่มีการดำเนินการปรับโครงสร้างพรรคจะมีการเคลื่อนไหวต่าง ๆ​ จากข้อเท็จจริงของการแถลงข่าวนายไพบูลย์จะเห็นว่า การกระทำที่อาจเข้าข่ายหลักเกณฑ์ข้อบังคับพรรคนั้นเป็นการกระทำของ​ ร.อ.ธรรมนัส แต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า​ และ ส.ส. ของพรรครายอื่น ๆ ในรายชื่อ​ 21​ คน​


5. ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ของข้อเสนอ ร.อ.ธรรมนัส กับพวก ทำให้เกิดความเสียหายแก่หลักการแห่งพรรคพลังประชารัฐ​


6. หากข้อเสนอให้ปรับโครงสร้างพรรคตามข้อเสนอของ ร.อ.ธรรมนัส มีอยู่จริง​ แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ยังไม่นำไปสู่การปฏิบัติหรือดำเนินการใด​


7. การมีมติให้ข้าพเจ้าออกจากการเป็นสมาชิกพรรค รวมไปกับ ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส. รวม 21 คน​ โดยอ้างเหตุว่ามีการก่อให้เกิดเหตุร้ายแรงต่อหลักการแห่งพรรค เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเป็นผลกระทบต่อประวัติของข้าพเจ้าและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้าพเจ้าอย่างร้ายแรง​ ดังนั้น กรรมการบริหารพรรค จึงควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้าก่อนว่าข้าพเจ้าจะทำตามที่ถูกกล่าวอ้างจริงหรือไม่


8. รัฐธรรมนูญมาตรา 101 (9) วางหลักเกณฑ์ไว้ว่าการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส. แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการลงมติในที่ประชุมนั้นมีสมาชิกจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยและยังมีข้อสงสัยว่าการดำเนินการของที่ประชุมเป็นไปตามข้อบังคับพรรคและกฎหมายหรือไม่​


แต่ผู้ดำเนินการประชุมกลับดำเนินการให้มีการลงมติโดยการลงมติครั้งแรกนั้นผลการลงมติของที่ประชุมได้คะแนนไม่ถึง 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ร่วมประชุม​ ซึ่งถือว่าการลงมติเป็นอันสิ้นสุดแล้ว​ แต่ผู้ดำเนินการประชุมกลับดำเนินการให้ที่ประชุมอีกครั้งโดยการลงมติครั้งที่ 2 มีการเจรจากับผู้ที่งดออกเสียงขอให้ลงมติให้ข้าพเจ้ากับ ส.ส.อื่น รวม 21 คน พ้นจากการเป็นสมาชิก แสดงให้เห็นว่ามีการกระทำที่เจตนาจงใจให้ข้าพเจ้ากับ ส.ส.อื่น รวม 21 คน พ้นจากการเป็นสมาชิกโดยไม่เป็นธรรม​ เป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ


จึงขอให้หัวหน้าพรรค โปรดดำเนินการยกเลิกมติที่ประชุมร่วมกก.บห. และ ส.ส. ที่มีมติให้ข้าพเจ้าออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

คุณอาจสนใจ

Related News