สังคม

'รัชฎา' โต้ไม่เคยรับสินบน ยันถูกกลั่นแกล้ง แฉ 'ชัยวัฒน์' แค้นปมสอบเงินปลูกป่า

โดย panwilai_c

23 ก.พ. 2566

79 views

ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกตำรวจ ปปป. บุกจับที่ห้องทำงานพร้อมซองเงินที่ถูกระบุว่า เป็นเงินที่เรียกรับจากข้าราชการในสังกัดกรมอุทยานฯ ที่ผ่านมา นาย รัชฎา ไม่เคยชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว แต่วันนี้ ยอมพูดแล้ว ยืนยันไม่เคยเรียกรับเงินลูกน้อง



นาย รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางมายังศาลอาญาคดีทุจริต เเละประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน เพื่อไต่สวนฝ่ายโจทก์ ในคดีที่เขายื่นฟ้อง พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ รวมทั้ง ชุดจับกุม และนาย ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กับพวก รวม 7 คน เป็นจำเลย ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ / ความผิดต่อเสรีภาพ / สร้างพยานหลักฐานเท็จฯ / เจ้าพนักงานแกล้งให้ต้องรับโทษ / บุกรุก / ซ่องโจร และผิดพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562



กรณีจำเลยทั้งหมดวางแผนล่อลวงให้รับเงิน ก่อนจะนำกำลังเข้าจับพร้อมบันทึกวิดีโอให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง



โดยใช้เวลาไต่สวนราว 4 ชั่วโมง ก่อนจะลงมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการกรมอุทยานฯ แต่เงินที่พบในห้องแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.เงินส่วนตัว 2.เงินที่ข้าราชการนำมาฝากเข้าโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ ช่วยเหลือค่าอาหารสัตว์ป่าของกลางที่ถูกยึดไว้ และ 3.เงินเช่าพระพุทธรูป เพื่อเข้าโครงการสวัสดิการฯ



เมื่อนักข่าวถามว่า ทำไมเงินโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์ช่วยเหลือค่าอาหารสัตว์ ถึงต้องใส่ซองผ่านอธิบดีฯ ทำไมไม่โอนเข้าบัญชีโครงการฯ เลย นาย รัชฎา บอกว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องผ่านผู้บังคับบัญชา แต่ยืนยันว่าไม่มีค่าน้ำร้อนน้ำชา ส่วนที่ นาย ชัยวัฒน์ บอกว่า โครงการสร้างพระพุทธรูปหรือเช่าพระพุทธรูปเสร็จไปหมดแล้ว แต่ความจริงยังมีพระที่ยังไม่ได้เช่าอีกกว่า 100 องค์ สำหรับข้อความหน้าซองที่เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับเงินว่าเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ได้ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว เป็นรายละเอียดในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้



นาย รัชฎา ยังบอกว่า สาเหตุที่ต้องฟ้องกลับเพราะโดนกลั่นแกล้ง เนื่องจากสมัยที่นาย ชัยวัฒน์ เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในปี 2555 ได้ทำเรื่องเบิกจ่ายโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ กว่า 4,200 ไร่ เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท แต่กลับไม่มีการดำเนินโครงการจริง เขาจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินการทางละเมิด ก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป



จนกระทั่งเป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กำลังจะดำเนินการต่อ เพราะคดีในชั้น ป.ป.ช. จะหมดอายุความในวันที่ 29 มีนาคมนี้ หากไม่ดำเนินการก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นไปด้วย จึงคาดว่าเป็นสาเหตุให้นายชัยวัฒน์ ไม่พอใจจึงไปแจ้งความกับตำรวจ ปปป. ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติฯ ทั่วประเทศ



ขณะที่นาย วราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความ บอกว่า อยากให้ดูคลิปวิดีโอในขณะที่นาย ชัยวัฒน์ เข้าไปพูดคุยในห้องทำงานของนาย รัชฎา ก่อนที่จะถูกเข้าจับกุม โดยจะพบว่ามีการพูดคุยในลักษณะการขอไกล่เกลี่ยการจ่ายเงินกับอธิบดี ซึ่ง หลักฐานชิ้นนี้จะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ พร้อมกับโชว์หลักฐานเอกสารบทสนทนาระหว่างที่ นาย รัชฎา และ นาย ช. มีการพูดคุยก่อนที่ตำรวจ ปปป.จะเข้าไปจับกุมด้วย



ทีมข่าวสอบถามไปที่พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ถึงเรื่องที่โดนฟ้องกลับ และนาย รัชฎา บอกว่าการจับกุมไม่เป็นธรรม ว่า เงินของกลางที่พบ แม้นาย รัชฎาจะอ้างว่า เป็นเงินบริจาคตามโครงการต่างๆ แต่จากการรวบรวมพยานหลักฐานที่สามารถบอกได้ชัดเจนเลย คือ เงิน 98,000 บาท มีพยานบุคคลให้การชัดเจนว่าเป็นเงินที่นำมาให้ในประเด็นใด



และการเรียกสอบพยานบุคคล 14 ปาก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ในจำนวนี้มี 3-4 คน ที่ให้การเป็นประโยชน์ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่กล้าให้การ เพราะจากหลักฐานที่พบบางซองมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวพยาน แต่เชื่อว่าอีกไม่นาน ปปช. จะทำให้ความจริงปรากฏต่อสังคมและประชาชน และจะเป็นบรรทัดฐานของการดำเนินการ กับข้าราชการที่ทุจริตในหน้าที่



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/vZaZKKyPqkE

คุณอาจสนใจ

Related News