เลือกตั้งและการเมือง

"สุดารัตน์-สมคิด"จับมือเป็นพันธมิตรทางการเมือง ยืนยันไม่ต่อรองตำแหน่ง

โดย nattakarn_l

29 ธ.ค. 2565

154 views

            วันนี้ (29 ธ.ค.) พรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคไทยสร้างไทย ได้นัดพูดคุยทิศทางทางการเมืองระหว่างทั้งสองพรรคที่ร้าน coner สุชุมวิท26 นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย,  นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย , นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งภายหลังพูดคุยกัน 30 นาที ได้ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

           โดยนายโภคิน ระบุว่า วันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้ง2 พรรคได้หารือร่วมกัน เพราะมองว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเกิดปัญหาไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เมื่อมีการพูดคุยกันจึงเห็นตรงกันว่า จะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อให้มีส่วนร่วม และเป็นเจ้าของใช้อำนาจได้อย่างตรงไปตรงมา  รวมถึงอยากให้คนที่อยู่ในสนามเลือกตั้งไม่ยอมจำนนหรือพ่ายแพ้ต่อเงินและอิทธิพลต่างๆ ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม วันนี้มาแสดงว่าเราตระหนักในปัญหา และหาทางร่วมมือกันนำพาประเทศไปข้างหน้า

         คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ตนเอง นายสมคิด และนายโภคิน ทำงานร่วมกันมาหลายสิบปี  จึงถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์และมองเห็นปัญหาด้วยความห่วงใย และในฐานะที่ตนเป็นแม่คน มองว่าหากยังปล่อยประเทศให้ดำเนินแบบนี้ คนรุ่นใหม่จะอยู่อย่างไร ตนจึงต้องการเข้ามาสร้างพรรคการเมืองเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศที่ดีกว่านี้ให้คนรุ่นต่อไป จึงหารือกันว่าการมาทำงานร่วมกันของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทยคงไม่ใช่การมาแย่งชิงตำแหน่งแห่งหนกัน และทำให้เกิดการใช้อำนาจเงินอำนาจรัฐจนการเมืองเดินหน้าไม่ได้ประเทศไปต่อไม่ได้ ขอให้เริ่มต้นที่ตรงนี้ก่อน ยังไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องการแบ่งตำแหน่งใดๆ แต่จะทำงานร่วมมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง

          ด้านนายสมคิด ระบุว่า ตนอยู่ในการเมืองมา 20 ปีและตลอดเวลาได้ตั้งใจทำงานหนักมาโดยตลอด  เพราะอยากให้ประชาชนเป็นสุข แต่ไม่เคยเห็นยุคใดสมัยใดที่การเมืองจะค่อนข้างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด  จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งในเชิงของความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทางการเมืองเพื่อขับเคลื่อนประเทศ  ทั้งในเชิงของการใช้ทรัพยากรเพื่อแย่งชิงผู้สมัครอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและทำอย่างโจ่งแจ้ง  และในเชิงของการไม่สามารถบริหารภาครัฐในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงการขับเคลื่อนประเทศ ขับเคลื่อนนโยบายให้ก้าวหน้าด้วยความจริงจังและโปร่งใส  เราอยู่ในความวังวนของความไม่สามัคคีและพยายามแก้ไขมานานกว่า 10 ปีแล้ว มันน่าเสียดายหากยังปล่อยให้บ้านมันเป็นอย่างนี้ต่อไปก็จะเป็นอย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์พูดว่าประเทศจะค่อยๆ ถดถอยลง ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่แบบนี้ คนไทยไม่ควรทำได้แค่นั่งมองดูและรอชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า

            ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องระวังและหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้  เพื่อลูกหลานของเรา ซึ่งตนและคุณหญิงสุดารัตน์และนายโภคินรวมงานกันมานานแล้ว คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนักสู้ แข็งแกร่งทำงานหนัก เป็นแม่ที่ดีและเสียสละเวลาให้บ้านเมือง นายโภคินเป็นนักกฎหมายชั้นครู ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้  ส่วนนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ มีความคุ้นเคยและประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในกระทรวงด้านเศรษฐกิจมามากมาย  ดังนั้นการที่ทั้งสองฝ่ายมาพบปะและหารือกันก็เพื่อหาทางออกให้กลับบ้านเมืองทั้งในด้านการเมืองเศรษฐกิจและการปรองดองของชาติ

              ทั้งนี้เมื่อถามว่าในเมื่อร่วมมือกันเหตุใดจึงไม่รวมพรรคกัน นายโภคินระบุว่า ไม่อยากให้มองที่ปลายทางไปก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นว่าอุดมการณ์ตรงกันหรือไม่ ยุทธศาสตร์ที่ทำตรงกันหรือไม่ มีอะไรที่แตกต่างกัน หากไม่เริ่มจากตรงนี้ก่อนจะไปถึงปลายสุดไม่ได้ มองว่าต้องคุยกันเป็นระยะ วิธีเมื่อตกผลึกแล้วแจ้งให้ทราบอีกที

          เมื่อถามว่าเป็นการทดลองงานกันก่อนใช่หรือไม่  วงประชุมได้หัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่นายสมคิด กล่าวว่า “ไม่มีการทดลองเพราะพวกเราอยู่ในวงการเมืองมา 20 ปี การทำการเมืองในครั้งนี้ ตนไม่คิดที่จะทำตั้งแต่แรก  เพราะเหนื่อยพอสมควร แต่ที่มาก็เหมือนกับคุณหญิงสุดารัตน์ ที่มีภารกิจต้องทำเพื่อประเทศ ต้องการสร้างพรรคการเมืองที่ดี เป็นหลักให้ประชาชนไม่เคยคิดเรื่องตำแหน่งกรุณาอย่าถามว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกหรือไม่ ไม่ต้องถามตนเลย เพราะในใจตนสิ่งเหล่านี้เป็นปลายเหตุทั้งสิ้นปลายเหตุทั้งสิ้น พรรคการเมืองที่แก้ไขปัญหาไม่ได้จะมีส.ส.ไว้ทำไม ดังนั้นต้องฟังนโยบายกันว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนเคยบอกไปแล้วว่าฟ้าลิขิต”

            จากนั้นนายโภคิน ได้ย้ำว่า ที่คุยกันมาเป็นระยะคิดว่าตรงกันหมด เพราะพวกเราเป็นรุ่นที่เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว บ้านเมืองมีทางเลือก 2 ทาง จะใช้ชีวิตประจำวันไปหรือมาทำเพื่อบ้านเมือง เราก็คุยกันว่าไม่ใช่เรื่องตัวตน เป้าหมายที่เราพูดคุยกันคือเรื่องการดูแลผู้คนตั้งแต่เกิดจนแก่ จึงไม่อยากให้สื่อมวลชนถามว่าจะรวมกันวันไหนเมื่อไหร่ ถ้ารวมความคิดได้รวมหัวใจได้เรื่องต่อไป ก็จะไม่ยากเย็น วันนี้ขอเท่านี้ก่อนหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกที ตอนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

คุณอาจสนใจ

Related News