เพื่อไทย แจง ไม่เคยเกี่ยวข้องกับ "ตู้ห่าว” ด้าน “อุ๊งอิ๊ง” ไม่กังวล เป็นเพียงผู้ถือหุ้นไม่ใช่กรรมการบริหาร

วันนี้ (4 ธ.ค.) นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค แถลงข่าวชี้แจง กรณีที่มีการเชื่อมโยงพรรคเพื่อไทย และ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย กับนายตู้ห่าวและกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะการซื้อบ้านของบริษัท เอสซี แอสเสท โดยยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว รวมถึงการประกอบธุรกิจของนายตู้ห่าวทุกกรณี


พร้อมยืนยันว่านางสาวแพทองธารไม่มีความเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับนายตู้ห่าว เพราะนางสาวแพทองธารเป็นเพียงผู้ถือหุ้นไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท และการซื้อขายบ้านจึงไม่เกี่ยวข้องกับนางสาวแพทองธาร


ขณะที่บริษัท เอสซี แอสเสทก็มีการออกแถลงการณ์กลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทนั้น ว่าผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใด ๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี บ้านทุกหลังในทุกโครงการ ขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น


ดังนั้น คนที่ปฏิบัติการไอโอหรือมีความพยายามเชื่อมโยง ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย ซึ่งมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน หากยังมีการใส่ร้ายป้ายสีทำให้เกิดความเสียหายหรือเข้าใจคลาดเคลื่อน พรรคเพื่อไทยจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ส่วนนางสาวแพทองธารไม่มีความกังวลเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และนางสาวแพทองธารก็ไม่ได้ทำกระทำการใดที่ผิดกฎหมาย


ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้อง ป.ป.ช. สอบของนายศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 ว่าได้ยื่นบัญชีเงินลงทุนในบริษัท เอฟเวอร์ยูเนียน จำกัด ของนางนุดีพร เพชรพนมพร มูลค่า 7,500,000 บาท โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ นั้น นายนพดล กล่าวว่า ให้เป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบของกฎหมายและเป็นสิทธิ์ของนายศราวุธที่จะชี้แจงข้อกล่าวหา และเรื่องนี้เป็นเรื่องรับผิดชอบส่วนบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับพรรค จึงไม่นำไปสู่กระบวนการยุบพรรคได้


ส่วนเรื่องความพยายามพาดพิงเรื่องของนายตู้ห่าว กับพรรคเพื่อไทยจนส่งผลต่อการแลนด์สไลด์ ในการเลือกตั้งหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน พรรคเพื่อไทยจะแลนสไลด์หรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน


ด้านนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเสริมว่า การสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนเพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้รับคะแนนจากประชาชน ถือเป็นวิธีการฝั่งตรงข้ามที่ต้องการดิสเครดิตพรรคเพื่อไทย และขอให้ประชาชนจับตาการทำงานของทุกพรรคการเมือง ขณะที่หน้าที่การตรวจสอบผู้ที่กระทำผิดในประเทศไทยคือรัฐบาลส่วนพรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล