เลือกตั้งและการเมือง

อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องมาตรา 116 “ธนาธร, ปิยบุตร, พรรณิการ์” ด้านธนาธร ยืนยันพร้อมต่อสู้ทุกคดี

โดย nattakarn_l

30 พ.ย. 2565

376 views

           นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  แถลงข่าวกรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดสั่งฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล  และน.ส.พรรณิการ์ วานิช  เป็นผู้ต้องหาที่ 1-3 กรณีกระทำความผิดในข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด  อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116  ซึ่งมีนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธอิสระ เป็นผู้กล่าวหา

          นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า  เดิมคดีนี้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา ได้พิจารณาแล้ว มีคำสั่งทางคดี คือ สั่งไม่ฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ต้องหาที่ 1, นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ต้องหาที่ 3   แล้วส่งสำนวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้ง และส่งสำนวนมาที่อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาชี้ขาด

           ซึ่งอัยการสูงสุด พิจารณาแล้ว มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายธนาธร, นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์   ฐานร่วมกันล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญ  ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเบิดกฎหมายแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

           นายธรัมพ์  กล่าวต่อว่า อัยการสูงสุดได้พิจารณาชี้ขาดความเห็นแย้ง โดยชี้ขาดให้ฟ้องคดี  เพราะมองพฤติกรรมการกระทำต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 คือ แสดงความเห็นด้วยวาจา หนังสือให้ปรากฎในหมู่ประชาชน ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในราชอาณาจักรแล้วทำให้มีการล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ทั้งจากคำปราศรัย และการแสดงความคิดเห็นทางสื่อออนไลน์ต่างๆ แต่ไม่มีข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เรื่องจากไม่มีการเเจ้งข้อหามาเเต่เเรก

               อย่างไรก็ตามคดีนี้มีพิจารณามาตั้งแต่สมัยอัยการสูงสุดคนก่อนๆ แต่เพิ่งมีคำสั่งชี้ขาดในสมัยอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ขั้นตอนหลังจากนี้จะแจ้งคำสั่งชี้ขาดของอัยการสูงสุดไปยังพนักงานสอบสวน สน.พญาไท  เพื่อตามตัวและนัดหมายนายธนาธร มารับทราบข้อกล่าวหาและยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป

           สำหรับคดีนี้ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพุทธอิสระ ได้เเจ้งความช่วง ตุลาคม ปี 2563 กรณีนายธนาธร เคยอภิปรายเรื่องอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 พูดถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทย 14 ตุลาคม   6 ตุลาคม 2519  เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนก่อตั้งวารสารฟ้าเดียวกัน อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่างๆ รวมทั้งงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถานบัน และไปปรากฎตัวในที่ชุมนุม

             ในกรณีของนายปิยบุตร คือ ไปเอางานวิชาการสมัยเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตีพิมพ์ในวารสารฟ้าเดียวกัน และหนังสือราชมัลลงทัณฑ์บัลลังก์ปฏิรูป และเอาความเห็นกรณีเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการปฏิรูปสถาบันฯ เพื่อไม่ให้เอาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมไปอยู่บนท้องถนน การชุมนุมจะได้คลี่คลายเบาบางลง โดยอ้างว่ากรณีนี้ทำให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาออกมาชุมนุม  ส่วนกรณีของน.ส.พรรณิการ์ บอกว่า ไปปรากฎตัวในการชุมนุม และไลฟ์สด

        ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวขอบคุณที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องกรณีถือหุ้นสือ ส่วนคดีความผิดตามมาตรา 116  นายธนาธร ยืนยันว่า พร้อมจะต่อสู้คดี  นับตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานการเมือง 4 ปี จนถึงวันนี้ ยืนยันว่า ไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และขอยืนยันว่าคดีความต่างๆ ที่มาเล่นงานตนและพรรคพวกในพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกล  จะเป็นแรงผลักดันทางการเมือง และไม่มีอะไรหยุดยั้งตนได้ ตนจะทำงานอย่างเต็มที่และสู้คดีในชั้นศาลต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News