"เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” หนุนแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ผ่าน ส.ส.ร. ด้าน ส.ว.-ก้าวไกล ซัดกันนัวบอกไม่โยงปชช.และไม่ได้มาจากเลือกตั้ง

"เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” หนุนแก้ รธน.ทั้งฉบับ ผ่าน ส.ส.ร. ขณะที่ ส.ว.-ก้าวไกล ซัดกันนัวบอกไม่ได้ยึดโยงประชาชน และไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง



การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวันที่สอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนการแก้ไข พร้อมเสนอประเด็นให้รัฐสภาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับผ่านการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญก่อนที่สภาจะหมดอายุ

ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 4 ฉบับ เพราะส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเสียง ส.ว.สนับสนุนไม่ถึง 84 เสียง และเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะอยากเห็นโครงสร้างทางอำนาจเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ซื่อสัตย์สุจริต การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มีข้อจำกัดต้องไปทำประชามติก่อน และยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลา เพราะรัฐสภาจะปิดสมัย วันที่ 18 กันยายน จึงอยากให้รัฐสภาหาคำตอบที่ตอบโจทย์บ้านเมือง ต่อการชุมนุมและแก้รับธรรมนูญ ที่เกิดจากโครงสร้างอำนาจที่ล้าหลังต่อการเปลี่ยนแปลง



ทั้งนี้ ระหว่างที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขทั้ง 4 ร่าง และขอให้สมาชิกรัฐสภาไม่รับหลักการทั้ง 4 ร่างเช่นกัน แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งนายเสรีได้พูดถึงพรรคฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ว่าเป็นพรรคที่พูดกล่าวหาส.ว.มาตลอดว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ยึดโยงกับประชาชน ทำให้นางอมรัตน์ โชตปมิตต์กุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ขอใช้สิทธิ์พาดพิง ยืนยันไม่ได้อภิปรายใส่ร้าย ส.ว. แต่ต้องการจะบอกว่าไม่ได้มีปัญหากับรัฐธรรมนูญแต่มีปัญหากับที่มาของรัฐธรรมนูญ นายเสรีเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้วไม่ควรมาก้าวล่วง กล่าวหาพรรคก้าวไกลเพราะทำให้พรรคเสียหาจึงอยากให้นายเสรีถอนคำพูด



ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม มองว่านายเสรีไม่ได้ใช้คำหยาบคาย แต่เตือนไม่อยากให้พูดถึงเชื่อพรรค



แต่นายเสรี ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้วมีมารยาทพอไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีทำให้พรรคก้าวไกลเสียหาย เพียงแต่ต้องการบอกว่า ส.ว.มาจากรัฐธรรมนูญปี2560 แต่ส.ส.พรรคก้าวไกลที่มาจากพรรคอนาคตใหม่ซึ่งถูกยุบไปนั้น พรรคก้าวไกลเคยได้แม้แต่1 เสียงจากประชาชนหรือไม่ ที่ยังได้เป็นส.ส.ก็เพราะรัฐธรรมนูญปี60 เช่นเดียวกับ ส.ว.



ทำให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลท้านายเสรีลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกัน และนางอมรัตน์ลุกขึ้นประท้วงเป็นรอบที่สองไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้คะแนนจากประชาชนแม้แต่คะแนนเดียว โดยมองว่านายเสรีไม่มีวุฒิภาวะ และมองว่าเป็นตัวอย่างที่เลว จากนั้นนางอมรัตน์ก็เดินออกจากห้องประชุมไปเลย



ขณะที่นายเสรีก็ไม่พอใจที่นางอมรัตน์ระบุว่าตนเองเป็นตัวอย่าง ส.ว.ที่เลว แต่ประธานยืนยันว่าไม่ได้ยินคำพูดดังกล่าวและนางอมรัตน์ก็เดินออกจากห้องไปแล้ว ขอให้นายเสรีอภิปรายต่อ แต่นายเสรีก็ยังไม่ยอม ประธานจึงให้เจ้าหน้าที่ย้อนฟังเทปที่บันทึกไว้ นายเสรีจึงยอมอภิปรายต่อ