เปิดใจ "มาดามเดียร์" ลาออกด้วยตนเอง ไม่ได้บอก "บิ๊กป้อม" ล่วงหน้า เผยเหตุสภาล่มซ้ำซาก-ไม่อยากให้จุดยืนเป็นปัญหาพรรค

นางสาววทันยา  บุนนาค เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 3 ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากการเป็น ส.ส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ว่าหลักๆ มาจาก ปัญหาของรัฐสภา ที่ล่มซ้ำซาก เพราะหน้าที่หลักของ ส.ส. คือการเข้าประชุมสภา แต่หากไม่เข้า นั้นมองว่าไม่ใช่หลักคิดที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ สูตรการหาร 100 หรือ 500 นั้นทุกคนสามารถมีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ควรมาสู้กันด้วยเหตุผลในสภา ตามครรลองที่ถูกต้อง ซึ่งตนชัดเจนถึงการใช้กลไกสภา เพื่อสะท้อนจุดยืนความคิดของตนเองมาโดยตลอด อย่าง ที่ผ่านมาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ถือเป็นเรื่องของมารยาท แต่การที่ส.ส.จะไม่ทำหน้าที่ ขั้นต้นของตัวเอง หลีกหนีความรับผิดชอบ นั้นไม่ถูก




พร้อมยอมรับ ว่า เป็นการตัดสินใจลาออก ด้วยตนเอง ไม่ได้บอกกล่าวพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ล่วงหน้า เพราะมองว่าหากเรามีความเห็นไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรค ก็ควรจะต้องเป็นคนที่พิจารณาตัวเอง ก้าวเดินออกมา ไม่ทำให้แนวคิดและจุดยืนของเรา ไปเป็นปัญหาของพรรคในอนาคต



ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้า ก็ได้เข้าไปกราบลาพลเอกประวิตร ว่าเราตัดสินใจแล้วตามเหตุผล เพราะตนก็รู้ว่าหลายครั้งที่เราอาจจะมีความเห็นไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรคทั้งหมด และไม่อยากให้ตัวเรากลายเป็นอุปสรรคของพรรค จึงถึงจุดที่ต้องพิจารณาตนเองมากกว่า ซึ่งท่านก็ให้ความเข้าใจ และรับรู้ว่าตนเป็นคนที่หากตัดสินใจแล้ว ก็จะเป็นคนที่ชัดเจนในตัวเองมากๆ ท่านเองก็คงรู้ว่าเราคิดมาอย่างดีแล้ว ท่านก็อวยพรขอให้โชคดี



ส่วนการเมืองหลังจากนี้ ยังยึดมั่นและศรัทธาในระบบประชาธิปไตย ที่ผ่านมา เรามักจะพูดกันว่าการเมืองสกปรก ทำให้คนที่มีความสามารถ คนรุ่นใหม่และภาคเอกชน เลือกที่จะปฏิเสธไม่อยากเข้าสู่ภาคการเมือง เพราะกลัวว่าเมื่อเข้ามาแล้วไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่บริบทการเมืองไทยที่ผ่านมาเรากำลังเห็นบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ตนก็ไม่ได้อยากหยุดไปกลางคัน ยังรู้สึกที่อยากจะสู้ต่อในการพัฒนาเปลี่ยนแปลง



ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวเนื้อหอม มีหลายพรรค มาตามจีบ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคสร้างอนาคตไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ นางสาววทันยา ระบุว่า ในวงการการเมือง เป็นโลกใบหนึ่งที่รู้จักกันไปมา ซึ่งคนการเมืองเวลาเจอกันอดพูดเรื่องการเมืองไม่ได้ ตนก็ได้แลกเปลี่ยนไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคการเมืองรัฐบาล แต่ยังรวมถึงฝ่ายค้านด้วย

ส่วนสเปคพรรคการเมือง ที่จะร่วมสังกัดหลังจากนี้ นางสาววทันยา เผยว่าต้องยอมรับ บางคนอาจจะมองว่าตนเป็นคนหัวรั้น เด็กดื้อ แต่หากเราเชื่ออะไรและตัดสินใจไปแล้วก็่จะเดินหน้า และไม่หันหลังกลับ ไม่โลเล ดังนั้นพรรคการเมืองที่จะไปสังกัด จะต้องเปิดเวทีกว้างพอ ที่ให้ตนสามารถทำงานได้ มีโอกาสถกความเห็นซึ่งกันและกัน มีอัตลักษณ์ในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก ซึ่งถือเป็นประชาธิปไตยสูงสุด ตั้งแต่ภายใน เพราะการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง ก็เหมือนการย้ายบ้าน เราก็ไม่ได้อยากย้ายบ้านบ่อยๆ แต่เราต้องอยากหาบ้านที่ โครงสร้าง บานประตู โทนสี ตรงกับสิ่งที่เรามองหา ตรงกับบุคลิกของเรามากที่สุด




ส่วนหลังจากนี้จะกลับไปสังฆกรรมกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ยอมรับว่าการสังฆกรรมไม่ได้แปลว่าเราไปร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วเราจะต้องเห็นตามกันไปสักทั้งหมด แม้ว่าเขากำลังจะไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการที่เราไม่เข้าไปร่วมกับเขาก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่สนับสนุนเลยแม้เขาจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะต้องเลือกข้างซ้ายหรือข้างขวา แต่อยู่ที่เรื่องไหนเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า



หลังจากนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะพักนานแค่ไหน เพราะในช่วงนี้ ก็คุยกับหลายพรรคการเมือง มีหลายพรรคส่งทัก LINE มา ซึ่งไม่กล้าระบุตัวเลข แต่ก็รู้จักกันหมด ก็คงจะมีเวลาว่างหลังจากนี้เพิ่มขึ้นได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ใหญ่พรรคการเมืองอื่น