"พีระพันธุ์" ลั่น ไม่ได้หมายถึง "บิ๊กป้อม" ปมโพสต์เกมนักการเมือง บอกจะใช่ได้อย่างไรเพราะท่านตอบแต่ไม่รู้

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ชี้แจงกรณีที่โพสต์เฟซบุ๊ก ยกข้อกฎหมายในเรื่องการสอนมวยนักเล่นเกมการเมือง ที่หลายคนตีความว่าเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เป็นการตีความกันเอง ตนไม่ได้หมายถึง พล.อ.ประวิตร เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือ และท่านให้สัมภาษณ์มาตลอดเวลา ว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง แล้วจะไปหมายถึงพล.อ.ประวิตร ได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่ตนพูด หมายถึงจากประสบการณ์การทำงานของตน การที่ส.ส.จำนวนมาก ทำอะไรไปในทิศทางเดียวกัน ในความหมายของตน จะต้องมีการดำเนินการ

ส่วนใครจะอยู่เบื้องหลัง ตนไม่ทราบ ให้ไปเช็กกันเอาเอง แต่สำหรับตน จากประสบการณ์ลักษณะนี้จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้ นายพีระพันธุ์ ได้หัวเราะ ก่อนจะบอกว่า ไม่ได้หมายถึง พล.อ.ประวิตร เพราะ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ยืนยันมาตลอด แล้วตนจะไปกล่าวหาท่านได้อย่างไร



ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐจะฟ้อง นายพีระพันธุ์ ได้ถามกลับว่าจะฟ้องเรื่องอะไร ถ้าฟ้องมาไม่ถูกต้อง ตนก็จะฟ้องกลับ ซึ่งเมื่อเช้าตนได้ให้สัมภาษณ์สื่อไปแล้ว และมีนักข่าวไปถาม พล.อ.ประวิตร แล้ว พล.อ.ประวิตร บอกให้ถามตน เมื่อถามตนก็บอกไปแล้ว ว่าไม่ใช่ ดังนั้นถ้าอยู่ดีๆ มากล่าวหาตน ตนก็พร้อมฟ้องกลับ



นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่ม พิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน จะต้องกลับไปใช้ร่างเดิม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตีความ ไม่สามารถนำมาใช้ได้นั้น เป็นเพียงความเห็นของตน แต่ไม่ได้หมายความว่าตนจะเป็นผู้ยื่น เพราะไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมาย

พร้อมบอกว่า ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ได้กำหนดร่างไว้ 2 แนวทาง คือ 1.ร่างมาจากรัฐบาล และ 2.ร่างที่มาจากส.ส. ซึ่งมาตรา 132 วรรค 1 กำหนดไว้ว่า ถ้าพิจารณาร่างกฎหมายลูกไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ให้นำร่างไปใช้ตามาตรา 131 ซึ่งหากมีร่างตามมาตรา 131 ร่างเดียวจะไม่มีปัญหา แต่พอมี 2 ร่าง ปัญหาคือจะใช้ร่างใด ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ แต่ไปเขียนไว้ในข้อบังคับการประชุม ให้ถือเอาร่างที่ใช้เป็นหลัก “การเขียนลักษณะนี้อาจเป็นการตีความรัฐธรรมนูญ เพราะปกติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เป็นข้อบังคับที่ต้องพูดถึงวิธีการทำงาน ไม่ใช่การตีความ ดังนั้น ถ้าจะใช้ตามข้อคับรัฐสภา ก็จะเป็นปัญหา ส่วนจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของคนที่เกี่ยวข้อง แต่ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่มีอำนาจที่จะยื่นได้ แต่เป็นการเสนอแนะตามข้อกฎหมาย”